![TAIWAN-STOCKS หุ้นไต้หวัน](https://www.prachachat.net/wp-content/uploads/2024/07/AFP__20220121__9WN6LD__v1__HighRes__TaiwanEconomyStocks-2-728x485.jpg)
เทียบผลงานตลาดหุ้นในเอเชีย-แปซิฟิกครึ่งปีแรก ตลาดหุ้นไต้หวันเป็น Best Performer ส่วนไทยแย่สุด นองเลือดอยู่ท้ายตาราง
ซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2024 ว่า มุมมองแง่บวกต่อปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ผลักดันให้ตลาดหุ้นไต้หวันหลายเป็นตลาดหุ้นที่ผลการดำเนินงานดีที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิกในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 นี้
- สภาออกประกาศ เพิ่มเงินประจำตำแหน่งข้าราชการ 7 สายงาน
- เปิด 70 ตัวอักษร ป้ายทะเบียนรถใหม่ ประกาศใช้แล้ว มี “ไข่เจียว” ด้วย
- คลังเล็งประกาศลงทะเบียน แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน ทางรัฐ ก.ค.นี้
TAIEX ดัชนีหุ้นถ่วงน้ำหนักของไต้หวันเพิ่มขึ้น 28% โดยได้แรงขับเคลื่อนจากหุ้นบริษัทต่าง ๆ ในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ของ AI
หุ้นของบริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ (Taiwan Semiconductor Manufacturing Corp : TSMC) ซึ่งมีน้ำหนักมากที่สุดในดัชนี ราคาเพิ่มขึ้น 63% ขณะที่คู่แข่งอย่าง ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในชื่อ บริษัทหองไห่พรีซีชันอินดัสทรี (Hon Hai Precision Industry) พุ่งแรงถึง 105% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
“ผลการดำเนินงานของตลาดทั่วโลกในปีนี้ส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากธีมของปัญญาประดิษฐ์และนโยบายของธนาคารกลาง และมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป” ราหุล กอช (Rahul Ghosh) ผู้เชี่ยวชาญด้านพอร์ตโฟลิโอตราสารทุนระดับโลกของบริษัทบริหารสินทรัพย์ ที. โรว์ ไพรซ์ (T. Rowe Price) กล่าวในรายงานมุมมองการลงทุนของบริษัท
เขากล่าวเสริมว่า ศักยภาพและขนาดของวงจรการลงทุน AI ยังคงขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ผลกระทบของการลงทุนเกี่ยวกับ AI กำลังขยายออกไปยังภาคส่วนต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรม วัสดุ และสาธารณูปโภค
ดัชนี Nikkei 225 ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของญี่ปุ่นทำผลงานดีเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย-แปซิฟิก โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 18% ในช่วงครึ่งปีแรก
เมื่อช่วงต้นปี Nikkei 225 พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลในเดือนกุมภาพันธ์ ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลครั้งก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 38,915.87 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 1989 ก่อนที่จะพุ่งทะลุ 40,000 จุด ไปสร้างสถิติสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ที่ 40,888.43 จุด ในวันที่ 22 มีนาคม
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า แม้ว่าไต้หวันเป็นผู้นำของตลาดหุ้นเอเชีย แต่ญี่ปุ่นดูเหมือนจะเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมมากกว่าในอนาคต
ราหุล กอช กล่าวว่า มาตรฐานการกำกับดูแลกิจการของญี่ปุ่นที่ได้รับการปรับปรุงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังคงส่งผลกระทบที่จับต้องได้และสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
นอกจากนี้ เบน พาวเวลล์ (Ben Powell) หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) ของแบล็กร็อก (BlackRock) เขียนวิเคราะห์เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan : BOJ) มีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ และทำให้นโยบายการเงินญี่ปุ่นกลับสู่ปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยวิธีการที่ระมัดมะวัง
พาวเวลล์กล่าวว่า ฉากหลังทางเศรษฐกิจมหภาคของญี่ปุ่นเป็นผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง ยังมีหุ้นญี่ปุ่นที่ควรเพิ่มน้ำหนัก โดยได้แรงหนุนจากโมเมนตัมการปฏิรูปบริษัทอย่างแข็งแกร่ง ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และการสนับสนุนการประเมินมูลค่าหุ้นจากอัตราดอกเบี้ยจริงที่ยังคงเป็นลบ
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ตลาดหุ้น 3 แห่ง คือ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ กลับร่วงลงไปอยู่ในแดนลบ
ซีเอ็นบีซีบรรยายว่า ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทยร่วง 8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ “ถือเป็นดัชนีที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในภูมิภาค” ส่วนดัชนี JKSE ของอินโดนีเซียลดลง 2.88% ในขณะที่ดัชนี PSI ของฟิลิปปินส์ร่วงลงประมาณ 0.6% ในช่วงเวลาเดียวกันนี้
สำหรับผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นต่าง ๆ ในเอเชีย-แปซิฟิก เรียงจากผลงานดีสุดไปแย่สุด มีดังนี้
TAIEX (ไต้หวัน) +28.45%
Nikkei 225 (ญี่ปุ่น) +17.56%
Nifty 50 (อินเดีย) +10.49%
BSE Sensex (อินเดีย) +9.40%
KLCI (มาเลเซีย) +9.31%
Kospi (เกาหลีใต้) +5.37%
Hang Seng (ฮ่องกง) +3.94%
Straits Times (สิงคโปร์) +2.89%
ASX 200 (ออสเตรเลีย) +2.33%
CSI 300 (จีน) +0.89%
PSI (ฟิลิปปินส์) -0.59%
JKSE (อินโดนีเซีย) -2.88%
SET (ไทย) -8.11%