เลือกตั้งสหรัฐ : หรืออายุจะเป็นปัจจัยตัดสินชัย ? เมื่อชาวอเมริกันกังวลเรื่องผู้นำ “แก่”

โดนัลด์ ทรัมป์ - โจ ไบเดน
โดนัลด์ ทรัมป์ - โจ ไบเดน

โจ ไบเดน (Joe Biden) กับโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกันขึ้นเวทีดีเบตนัดแรกเป็นเวลา 90 นาที ในคืนวันที่ 27 มิถุนายน 2024 นี้ (เช้าวันที่ 28 มิถุนายน เวลาไทย) ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) ที่สตูดิโอในนครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย

นอกจากนโยบายและวิสัยทัศน์แล้ว สิ่งสำคัญที่ชาวอเมริกันจับตามองคือสมรรถภาพทางกายและทางจิตของทั้งสองคน เนื่องจากชาวอเมริกันกังวลกับ “ความแก่” ของผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำ ซึ่งไม่มีคนไหนดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ในแง่ตัวเลขอายุ

หากโจ ไบเดน ชนะเลือกตั้ง เขาจะมีอายุ 82 ปี ขณะสาบานตนรับตำแหน่ง และจะมีอายุ 86 ปี ในปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง

แต่ถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง เขาจะมีอายุ 78 ปี ขณะสาบานตนรับตำแหน่ง และจะอายุ 82 ปี ในปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง

การดีเบตที่กินเวลา 90 นาที จะเป็นเวทีที่ทั้งคู่จะได้แสดงให้ชาวอเมริกันเห็นว่าตนเองยังมีสมรรถภาพดีพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐไปตลอดระยะเวลา 4 ปี

Advertisment

ผลสำรวจที่จัดทำร่วมระหว่างรอยเตอร์ (Reuters) กับอิปซอส (Ipsos) เมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่า “สมรรถภาพทางจิต” (Mental Fitness) เป็นหนึ่งในข้อกังวลสำคัญของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใคร และพวกเขากังวลกับไบเดนมากกว่าทรัมป์ เนื่องจากไบเดนอายุมากกว่า

การสำรวจของรอยเตอร์ร่วมกับอิปซอสอีกรายการหนึ่งที่สำรวจในปีนี้ เผยให้เห็นว่า 78% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งรวมถึง 71% ของสมาชิกพรรคเดโมแครตคิดว่าไบเดนแก่เกินไปที่จะทำงานในรัฐบาล และมีผู้ตอบแบบสอบถาม 53% ที่คิดแบบนี้กับทรัมป์

ทั้งนี้ อายุของไบเดนตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามที่พยายามจะดึงคะแนนผู้เลือกตั้งออกจากเขา โดยมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอทั้งที่เป็นของจริงและของปลอม โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะแสดงให้เห็นว่าเขากะปลกกะเปลี้ยและมีความแปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้

สมาชิกพรรคเดโมแครตเองก็มีจำนวนมากที่เป็นกังวลว่าไบเดนจะทำได้ดีพอหรือไม่ในการดีเบตครั้งสำคัญนี้ซึ่งมีเดิมพันสูงมาก

Advertisment

ประเด็นนี้ถูกยกขึ้นมาเป็นไฮไลต์ในหน้าสื่ออย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว 

และด้วยกระแสในสังคมก็ทำให้ภาควิชาการได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาถกกันด้วย อย่างเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ศูนย์การสูงวัยอย่างมีสุขภาวะ (Center for Healthy Aging) ของมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโด ได้จัดการอภิปรายเกี่ยวกับ การจำกัดอายุของนักการเมือง

ผู้ร่วมอภิปรายในกิจกรรมนี้ชี้ให้เห็นว่า ทำไมอายุของโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ จึงเป็นประเด็นสำคัญ โดยชี้คำตอบที่เรียบง่ายว่า อายุของทั้งสองคนนี้เกินอายุเฉลี่ยของประธานาธิบดีสหรัฐ ณ วันสาบานตนไปไกลมาก โดยอายุเฉลี่ยที่ว่านี้อยู่ที่ 55 ปีเท่านั้น

อีกทั้งในสังคมอเมริกันซึ่งแม้จะมีการตระหนักเรื่องความเสมอภาคทางเพศและเชื้อชาติ แต่ยังมีอคติแบบเหมารวมในเรื่องอายุ กล่าวคือมีการ “เหยียดผู้สูงวัย” สูง โดยมีการอ้างอิงรายงานการสำรวจเมื่อปี 2020 ที่พบว่า 82% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นคนวัย 50-82 ปี เคยเผชิญกับการเหยียดวัยในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

แต่นักวิจัยในสาขาพัฒนาการของผู้ใหญ่และผู้สูงวัยชี้ว่า อายุไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่และสมรรถภาพทางกายและทางความคิดของแต่ละคนได้ เนื่องจากคนแต่ละคนมีสมรรถภาพในแต่ละช่วงวัยต่างกัน บางคนวัย 90 กว่าปียังมีสติปัญญาเฉียบแหลม (มีการยกตัวอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังของโลก) ขณะที่บางคนอายุ 70 กว่าก็สมรรถภาพต่ำแล้ว

ดังนั้น เวทีอภิปรายนี้จึงมีการแนะนำว่า ประชาชนควรพิจารณาที่คุณสมบัติและทักษะความสามารถ และสมรรถภาพตามความเป็นจริง มากกว่าที่จะกังวลกับอายุซึ่งเป็นเพียงตัวเลข

อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องอายุก็ยังเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง สมรรถภาพทางกาย และสมรรถภาพทางจิต ซึ่งรวมถึงสติปัญญา ความรวดเร็วในการตอบคำถามของทรัมป์และไบเดนก็ถูกจับตามองอย่างยิ่งในการดีเบตที่กำลังจะเกิดขึ้น

…หรือนี่อาจจะเป็นปัจจัยตัดสินชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งมีความสูสีมากครั้งหนึ่ง ?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง