เลือกตั้งสภายุโรป ฝ่ายขวาจัดได้ที่นั่งมากขึ้น จับตานโยบาย “อียู” จะปรับทิศ

เลือกตั้งสภายุโรป
จอแสดงผลประมาณการผลการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป ที่รัฐสภายุโรป วันที่ 9 มิถุนายน 2024 (ภาพโดย KENZO TRIBOUILLARD / AFP)

เลือกตั้งสภายุโรป ฝ่ายขวาจัดชนะเลือกตั้งในฝรั่งเศส-ออสเตรีย และได้อันดับ 2 ในเยอรมนี-เนเธอร์แลนด์ คว้าที่นั่งในสภายุโรปมากขึ้น คาดส่งผลให้หลายนโยบายของ “อียู” ต้องปรับทิศ

วันที่ 10 มิถุนายน 2024 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป (European Parliament) เป็นเวลา 4 วัน (6-9 มิถุนายน 2024) ใน 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (European Union : EU) เสร็จสิ้นลงไปแล้ว 

ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าพรรคประชาชนยุโรป (European People’s Party : EPP) ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองขวากลาง (นำโดยพรรคฝ่ายค้าน CDU/CSU ของเยอรมนี) ยังคงเป็นพรรคที่ได้คะแนนมากที่สุด ขณะที่ผู้สมัครจากฝ่ายขวาจัดได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในฝรั่งเศส ออสเตรีย ที่ขวาจัดชนะเลือกตั้ง กับในเนเธอร์แลนด์และเยอรมนีที่มาเป็นอันดับ 2 เป็นไปตามคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่าสภายุโรปกำลังจะเอียงไปทางขวามากขึ้น 

ผลการเลือกตั้งชี้ให้เห็นความยากลำบากของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) ของเยอรมนี ซึ่งพรรคและแนวร่วมของทั้งคู่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง จนนำไปสู่การที่เอ็มมานูเอล มาครง ประกาศยุบสภา ให้ประชาชนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ 

ประมาณการผลการเลือกตั้งที่สหภาพยุโรปเผยแพร่หลังปิดหีบไม่นานเผยว่า พรรคประชาชนยุโรป (EPP) กลุ่มการเมืองขวากลางยังคงเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุดในรัฐสภายุโรป โดยจะได้ที่นั่ง 189 ที่นั่ง

Advertisment

ในขณะที่กลุ่มพันธมิตรก้าวหน้าแห่งสังคมนิยมและประชาธิปไตย (Progressive Alliance of Socialists and Democrats : S&D) ได้อันดับ 2 โดยได้ที่นั่ง 135 ที่นั่ง

กลุ่มรีนิวยุโรป (Renew Europe) ซึ่งเป็นกลุ่มเสรีนิยมที่สนับสนุนการรวมกลุ่มของสหภาพยุโรปคาดว่าจะได้ 83 ที่นั่ง 

กลุ่มอนุรักษนิยมและนักปฏิรูปแห่งยุโรป (European Conservatives and Reformists Group : ECR) ซึ่งเป็นกลุ่มขวากลางจะได้ 72 ที่นั่ง 

พรรคอัตลักษณ์และประชาธิปไตย (Identity and Democracy Party : ID) ซึ่งเป็นพรรคประชานิยมฝ่ายขวาและเป็นกลุ่ม euroskeptic (ไม่สนับสนุนการรวมกันเป็นสหภาพยุโรป) จะได้ที่นั่งประมาณ 58 ที่นั่ง 

Advertisment

ตามมาด้วยพรรคกรีน/พันธมิตรเสรีแห่งยุโรป (The Greens/European Free Alliance) คาดว่าจะได้ 53 ที่นั่ง 

และคาดว่ากลุ่มฝ่ายซ้าย (The Left) จะได้ 35 ที่นั่ง 

ส่วนพรรคการเมืองที่ไม่เข้าร่วมแนวร่วมใดจะได้ไป 45 ที่นั่ง รวมถึงพรรคทางเลือกสำหรับเยอรมนี (Alternative for Germany : AfD) ที่เป็นฝ่ายขวาจัดจะได้ 15 ที่นั่ง

และคาดว่าอีก 50 ที่นั่งที่เหลือจะเป็นของพรรคอิสระและพรรคที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งครั้งแรก 

หากผลการเลือกตั้งได้รับการยืนยันตัวเลขอย่างเป็นทางการตามประมาณนี้ จะเพิ่มโอกาสของ เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยน (Ursula von der Leyen) จาก EPP ในการที่จะได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรปสมัยที่ 2 

ทั้งนี้ สภายุโรปเป็น 1 ใน 4 สถาบันหลักของสหภาพยุโรป ทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายกำกับดูแลของสหภาพยุโรป การเลือกตั้งสภายุโรปเป็นการเลือกตั้งแบบสมัครใจในระดับชาติของ 27 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป โดยผู้ลงคะแนนเลือกผู้แทนประเทศของตนเองเข้าไปเป็นสมาชิกสภายุโรป ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ลงคะแนนเสียงรวมราว 373 ล้านคน

สมาชิกสภายุโรปมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี มีสมาชิกจำนวน 720 คนมาจากประเทศต่าง ๆ ตามสัดส่วนที่ขึ้นอยู่กับขนาดของประเทศ เยอรมนีเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุด มีสมาชิกในสภายุโรป 96 คน ส่วนประเทศที่ขนาดเล็กที่สุด ได้แก่ ไซปรัส ลักเซมเบิร์ก และมอลตา มีสมาชิกประเทศละ 6 คน 

นัยสำคัญของการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปคือ การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นตัวกำหนดวิธีการที่สหภาพยุโรปซึ่งมีประชากร 450 ล้านคน จะเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ อย่างเช่น รัสเซียซึ่งไม่เป็นมิตร การแข่งขันทางอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้นทั้งจากจีนและสหรัฐ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการย้ายถิ่นฐาน 

เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏว่าฝ่ายขวาจัดคว้าที่นั่งในสภาได้มากขึ้น อาจทำให้รัฐสภายุโรปมีความเห็นกระจัดกระจายไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะทำให้การออกกฎหมายหรือการใช้มาตรการใด ๆ นั้นทำได้ยากขึ้นและช้าลง ขณะที่สหภาพยุโรปกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน 

และคาดว่ารัฐสภายุโรปมีแนวโน้มที่จะเย็นลงในด้านนโยบายการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกัน ก็มีแนวโน้มที่กระตือรือร้นในการออกมาตรการเพื่อจำกัดจำนวนผู้ย้ายถิ่นฐานเข้าสู่สหภาพยุโรป