“เลิฟอันดามัน” หวังไฮซีซั่นฟื้น คาด “วีซ่าฟรี” ดันนักท่องเที่ยวเพิ่มเท่าตัว

loveandaman
ภาพโดย www.facebook.com:loveandaman:photos

“เลิฟอันดามัน” หวังไฮซีซั่นนี้นักท่องเที่ยวฟื้นกลับมาได้เท่าก่อนโควิด ชี้ “รัสเซีย-จีน-คาซัคสถาน” ตลาดสำคัญ ยันเหตุการณ์พารากอนยังไม่กระทบยอดลูกค้า คาดนโยบาย “วีซ่าฟรี” บูสต์ลูกค้าได้อีกเท่าตัว แนะบูมท่องเที่ยวในประเทศดันอีกแรง

นายกร ลาภยิ่งยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลิฟ ไอแลนด์ จำกัด ผู้บริหารเลิฟอันดามัน (Love Andaman) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของเลิฟอันดามัน ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางกับเลิฟอันดามันมีจำนวน 80% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19
รัสเซียครองตลาด 50%

โดยในไตรมาส 3/2562 สัดส่วนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางกับเลิฟอันดามัน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีน 60% โดยเป็นนักท่องเที่ยวทั้งจากกรุ๊ปทัวร์และเดินทางด้วยตนเอง ตามด้วยนักท่องเที่ยวไทย 20% และยุโรป รัสเซีย ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ขณะที่ในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย ครองสัดส่วน 50% จีน 20% คาซัคสถาน 15% ตามด้วยซาอุดีอาระเบีย

“หลังเปิดประเทศตลาดนักท่องเที่ยวที่มาแรงคือ กลุ่มรัสเซียและคาซัคสถาน” นายกรกล่าว

และว่า สำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึงนี้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะฟื้นตัวมากขึ้น ทั้งตลาดรัสเซีย อุซเบกิสถาน ซาอุดีอาระเบีย ประกอบกับนโยบายยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนแบบกรุ๊ปทัวร์เดินทางมาเที่ยวไทยมากขึ้น

Advertisment

กร ลาภยิ่งยง

เหตุ “พารากอน” ยังไม่กระทบ

นายกรกล่าวด้วยว่า หลังเหตุเยาวชนชายอายุ 14 ปีก่อเหตุยิงที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนจนเป็นเหตุให้ผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวจีนและแรงงานชาวเมียนมานั้น ประเมินว่านักท่องเที่ยวจีนที่ใช้บริการเลิฟอันดามันจะยังเติบโตอยู่ แต่ไม่มั่นใจว่าจะมากน้อยแค่ไหน โดยจากเดิมเลิฟอันดามันเคยประเมินว่านโยบายวีซ่าฟรีของรัฐบาล จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวตลาดจีนและตลาดคาซัคสถานจะเติบโตอีกเท่าตัว

“เหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่งจะเกิดขึ้น ปัจจุบันยังไม่เห็นผลกระทบในวงกว้าง และยังไม่เห็นผลกระทบกับทางเลิฟอันดามัน ต้องรอประเมินสถานการณ์อีกประมาณ 1 เดือน โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงเปิดไฮซีซั่นว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมามากน้อยแค่ไหน แต่เบื้องต้นยังไม่เห็นภาพการยกเลิกการจอง สิ่งที่อยากฝากไปถึงรัฐบาลคือ การสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว” นายกรกล่าว

คาดฟื้นตัว 100% ไฮซีซั่นนี้

ทั้งนี้ ประเมินว่าในไตรมาส 4/2566 จำนวนผู้ใช้บริการเลิฟอันดามันจะฟื้นตัวกลับสู่ที่ระดับ 90-100% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2562 ส่วนตลาดที่เติบโตในมุมมองของบริษัท คือ ประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง เนื่องจากเดินทางมาตลอดทั้งปีและมีกำลังซื้อสูง ซึ่งเดิมบริษัทไม่ได้เน้นหนักที่ตลาดดังกล่าวมากนัก รวมถึงในระยะยาวอาจให้ความสำคัญเจาะตลาดออสเตรเลีย ซึ่งเดินทางมาเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว

Advertisment

“ด้วยสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป ปัจจัยภายนอกควบคุมได้ยาก บริษัทต้องปรับตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลยุทธ์กระจายตลาดนักท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายจึงมีความสำคัญ” นายกรกล่าว

นายกรกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ความท้าทายของการประกอบธุรกิจในฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงคือ ต้นทุนการประกอบการที่สูงมากขึ้น โดยเฉพาะค่าน้ำมันซึ่งครองสัดส่วนราว 30% ของต้นทุนทั้งหมด และแม้ราคาแพ็กเกจท่องเที่ยวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19 ราว 10-20% แต่ก็อาจมีกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากยังมีปัจจัยด้านต้นทุนกดดันอยู่

นอกจากนี้ ปัจุบันเริ่มเห็นสงครามราคาแพ็กเกจทัวร์ของแต่ละบริษัท แต่อาจยังไม่รุนแรงมากนักเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเลิฟอันดามันเองยังเลือกจับตลาดนักท่องเที่ยวระดับกลางขึ้นไปถึงสูง เน้นการให้บริการและการท่องเที่ยวไปพร้อมกับการอนุรักษ์ และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียนั้นนายกรกล่าวว่า แม้จะเป็นตลาดที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยติดท็อป 5 อันดับชาติที่เดินทางมาเยือนสูงสุด แต่นักท่องเที่ยวอินเดียยังคงใช้บริการทัวร์ของบริษัท ในสัดส่วนที่น้อย

ขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุน

นายกรยังกล่าวถึงประเด็นค่าแรงของธุรกิจทัวร์ในฟื้นที่อันดามันด้วยว่า จะปรับตัวตามฤดูกาลท่องเที่ยว หากเป็นผู้ประกอบการที่เจาะตลาดนักท่องเที่ยวใช้จ่ายสูง ในช่วงไฮซีซั่นพนักงานอาจมีรายได้สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ อย่างไรก็ตาม นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ

“เรื่องนี้อยู่ที่การบริหารต้นทุน และนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ หากรัฐบาลมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจริงก็ควรมีนโยบายอื่น ๆ สนับสนุนผู้ประกอบการร่วมด้วย ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการในพื้นที่อันดามันกลับมาประกอบการกิจการราว 70%” นายกรกล่าว

แนะบูมเที่ยวในประเทศ

กรรมการผู้จัดการ บริษัท เลิฟ ไอแลนด์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า อยากเสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นให้ชาวไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เนื่องจากหลังจากหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการเข้าออกพรมแดน เห็นสัญญาณนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวในประเทศลดลง

ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นอาจเร่งการทำการตลาดเพิ่มเติม โปรโมตแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้น นำเสนอในภาพใหญ่ของไทยว่ามีสินค้าการท่องเที่ยวอะไรบ้าง

นอกจากนี้ ภาครัฐควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าถึงตลาดการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อตลาด จากเดิมที่ผู้ประกอบการอาจต้องเดินทางไปติดต่อกับคู่ค้าในต่างประเทศ