รีไซเคิลพลาสติกพีวีซี เปลี่ยนวัตถุดิบตั้งต้นครั้งแรกในไทย

ต้องยอมรับว่าโครงการรีไซเคิลพลาสติกพีวีซี ด้วยกระบวนการซูเปอร์ออกไซด์ (Superoxide Process) เพื่อผลิตน้ำมันแนฟทาสำหรับอุตสาหกรรมเคมี ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับโรงงานปิโตรเคมีสามารถช่วยแก้ปัญหาการจัดการพลาสติกพีวีซีใช้แล้ว หากยังยากต่อการกำจัดเสียด้วย ดังนั้น เมื่อนำพลาสติกชนิดพีวีซีใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราการรีไซเคิลได้เกือบ 100% จึงเกิดความน่าสนใจทันที

ผลเช่นนี้ เมื่อเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ร่วมกับ 2 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ได้แก่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และสำนักงานนวัตกรรมอิสราเอล (Israel Innovation Authority) หรือ IIA

ร่วมผลักดันผลงานด้านนวัตกรรม “โครงการรีไซเคิลพลาสติกพีวีซีด้วยกระบวนการซูเปอร์ออกไซด์ (Superoxide Process) เพื่อผลิตน้ำมันแนฟทาสำหรับอุตสาหกรรมเคมี” พร้อมกับส่งเสริมงานวิจัยด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนสู่งานวิจัยเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

โดยมี SCGC และ บริษัท พลาสติกแบ๊ค (Plastic Back) ประเทศอิสราเอล เป็นผู้นำร่องทดลองใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามแนวทาง Low Waste, Low Carbon ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้วัตถุดิบตั้งต้นจากฟอสซิล และเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) ในอนาคต

“ดร.สุรชา อุดมศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่สายงานนวัตกรรม เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC กล่าวว่า เทคโนโลยีรีไซเคิลของ Plastic Back สามารถใช้งานหลากหลาย ทั้งแบบยูนิตเดี่ยวสำหรับติดตั้งโรงงานขนาดเล็ก จนถึงการรีไซเคิลปริมาณมากในระดับอุตสาหกรรม โดย SCGC มีแผนนำร่องทดลองใช้เทคโนโลยีนี้ในประเทศไทย เพื่อวิจัยหาสภาวะเหมาะสมที่สุดในการผลิตน้ำมันแนฟทาสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับโรงงานปิโตรเคมี

Advertisment

“ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ตามแนวทางของ SCGC ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมรักษ์โลก ตามแนวทาง Low Waste, Low Carbon เพื่อมุ่งไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยปัจจุบัน SCGC ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง (Virgin Plastic) จาก Circular Naphtha

ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลทางเคมีขั้นสูง (Advanced Recycling) โดยได้รับมาตรฐาน ISCC PLUS (International Sustainability and Carbon Certification) ทั้งนี้ เทคโนโลยีการรีไซเคิลพลาสติกพีวีซีดังกล่าว จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน”

“ตัล โคเหน” ประธานบริษัทพลาสติกแบ๊ค กล่าวว่า การรีไซเคิลพลาสติกพีวีซีถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่ ความร่วมมือกับ SCGC ครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถปิดวงจรการอัพไซเคิลของขยะพีวีซีที่ยากต่อการจัดการได้ และเรายังคงมุ่งหวังจะสร้างความร่วมมือกับ SCGC ต่อไปในอนาคต

“สุดท้ายนี้ การสนับสนุนจาก NIA และ IIA จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราสามารถรวบรวมนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และทรัพยากรอื่น ๆ มาสร้างให้เกิดความร่วมมือได้”

Advertisment

“ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง” ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า โครงการพัฒนาความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับสำนักงานนวัตกรรมอิสราเอล หรือ IIA พัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบธุรกิจนวัตกรรมในสาขาธุรกิจที่มีความสนใจร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศ

โดยโครงการรีไซเคิลพลาสติกพีวีซีด้วยกระบวนการซูเปอร์ออกไซด์เพื่อผลิตน้ำมันแนฟทาสำหรับอุตสาหกรรมเคมี ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จที่มีการนำนวัตกรรมจากอิสราเอลมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยนับตั้งแต่มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) ด้านนวัตกรรมในปี 2561

“นอกจากจะสามารถนำน้ำมันแนฟทาจากกระบวนการรีไซเคิลทางเคมีมาใช้เป็นสารตั้งต้นในโรงงานอุตสาหกรรม หรือจำหน่ายทดแทนแนฟทาจากฟอสซิลที่ปัจจุบันมีราคาขายประมาณ 550 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันแล้ว ยังช่วยลดปริมาณการใช้สารตั้งต้นในกลุ่มฟอสซิลให้แก่โรงงานปิโตรเคมี และเพิ่มอัตราส่วนของผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำ (Green Polymer) อีกด้วย”

“ออร์นา ซากิฟ” เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงไม่กี่ปีผ่านมา อิสราเอลเปลี่ยนจากการเป็นประเทศแห่งสตาร์ตอัพไปสู่การเป็นประเทศแห่งยูนิคอร์น โดยมีบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เกือบ 100 แห่ง และในวันนี้เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นความสำเร็จของความร่วมมือแรกที่เกิดขึ้นจากการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง NIA และ IIA

โดยเป็นโครงการนำร่องจาก SCGC และ Plastic Back ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการลดปริมาณพลาสติกใช้แล้วด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งพัฒนาโดย Plastic Back โครงการนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และเราเชื่อมั่นว่าจะมีโครงการที่ประสบความสำเร็จอีกมากมายตามมาในอนาคต

“อาวี่ ลุฟตัน” ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก แผนกความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานนวัตกรรมอิสราเอล หรือ IIA กล่าวว่า นวัตกรรมเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของอิสราเอล IIA จึงเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนเครื่องมือ และแพลตฟอร์มการระดมทุนที่หลากหลาย เพื่อรับมือกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของระบบนิเวศนวัตกรรมทั้งในและต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ประกอบการระยะเริ่มต้น

“บริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือกระบวนการผลิตใหม่ ๆ กลุ่มนักวิชาการที่ต้องการถ่ายทอดแนวคิดสู่ตลาด บริษัทข้ามชาติที่สนใจร่วมมือกับเทคโนโลยีของอิสราเอล บริษัทอิสราเอลที่ต้องการหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ และโรงงานแบบดั้งเดิมที่ต้องการผสานนวัตกรรมและการผลิตขั้นสูงเข้าสู่ธุรกิจของตน

ความร่วมมือระหว่างประเทศจึงเป็นหนึ่งในงานที่ IIA ให้ความสำคัญ โดย IIA จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมต่อระดับนานาชาติ จับคู่พันธมิตรในต่างประเทศให้กับอิสราเอล เพื่อช่วยค้นหาโอกาสในการสร้างความร่วมมือที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล หรือธุรกิจต่อไป”