“มิโด” (MIDO) ประกาศการกลับมาของเรือนเวลาที่เหล่านักสะสมทั่วโลกต่างถวิลหา

“มิโด” (MIDO)

มิโด” (MIDO) ประกาศการกลับมาของเรือนเวลาที่เหล่านักสะสมทั่วโลกต่างถวิลหา ในคอลเลกชั่น โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่นเรือนเวลาสไตล์เรโทรรุ่นไอคอนิกจากยุค 60s ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT สุดล้ำ

หากเอ่ยถึงนาฬิกาที่เหล่านักสะสมตัวจริงต้องมีเก็บไว้ในครอบครอง จะต้องมีเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ “มิโด” (MIDO) อยู่ในอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะรุ่นไอคอนิกอย่างนาฬิกาดำน้ำ “โอเชียน สตาร์ สกิน ไดเวอร์” (Ocean Star Skin Diver) ที่มีต้นกำเนิดในปี 1960 ตำนานหน้าปัดสายรุ้งที่มีตารางดีคอมเพรสชั่น สเกล (Decompression Scale)  เพื่อให้นักดำน้ำทราบถึงเวลาการพักขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัย โดยล่าสุด “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ได้ประกาศการกลับมาของเรือนเวลาระดับตำนานภายใต้ชื่อ “โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น” (Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition) ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เด่นของหน้าปัดแบบดั้งเดิม ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT และขอบหน้าปัดที่แสดงเวลาจากทั่วโลกผ่าน 2 ดีไซน์ประสิทธิภาพสูง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเดินทางให้มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ เฉกเช่นเดียวกันกับเรือนเวลาจากยุค 60s ของ “มิโด” (MIDO) ที่ยังคงสร้างตำนานให้กับแบรนด์ได้ในทุกยุคสมัย

มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (GEORGES SCHAEREN) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.SCHAEREN & CO. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน

โดยเรือนเวลาหรูคอลเลกชั่นนี้ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อทุกสภาวะด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีลขัดเงาที่แข็งแรงทนทานและมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.5 มม. บนหน้าปัดพื้นหลังสีน้ำเงินเข้ม สลักโลโก้ ‘Mido’ แบบดั้งเดิมที่ผ่านการขัดเงามาอย่างพิถีพิถัน โดยนาฬิกาเรือนนี้จะแสดงเวลาการบีบอัดของน้ำที่ระดับความลึก 6 เมตร ซึ่งบ่งบอกจากมาตรวัดวงกลมสีเหลือง สีเขียว สีชมพู และสีน้ำเงิน ที่อยู่บนหน้าปัด พร้อมขอบหน้าปัดแบบหมุนได้จากวงแหวนอะลูมิเนียมสีน้ำเงิน และมีลูกศรสีแดงเพื่อระบุเขตเวลาในการเดินทาง รวมถึงเข็มชั่วโมง นาที และวินาที ที่ได้รับการเจียระไนเป็นทรงเหลี่ยมเพชร พร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® โดยมีการอ่านค่าวันที่อยู่ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา ครอบด้วยคริสตัลแซฟไฟร์ในรูปทรงกล่องแก้ว พร้อมสายถักสแตนเลสสตีลและสายสีน้ำเงิน ที่ผลิตจากยางสำหรับเปลี่ยน โดยได้แรงบันดาลใจจากแฟชั่นในยุค 1960 พร้อมระบบการทำงานอัจฉริยะที่สามารถทำให้เปลี่ยนสายได้อย่างสะดวกสบาย

Advertisment

อีกหนึ่งจุดเด่นของ “โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น” (Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition) คือกลไกอัตโนมัติตามแบบฉบับ Swiss made ที่มาพร้อมฟังก์ชัน GMT อีกทั้งยังสามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริง Nivachron™ ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กและแรงกระแทกที่ยอดเยี่ยม ส่วนในด้านการดำน้ำสามารถกันน้ำได้ในระดับสูงสุดถึง 20 บาร์ หรือ 200 เมตร

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งรุ่นดีไซน์พิเศษที่มีตารางดีคอมเพรสชั่น สเกล (Decompression Scale) ไล่ระดับสีจากสีเหลืองไปสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำแบรนด์ของ มิโด” (MIDO) บนผิวหน้าปัดสีดำที่มาพร้อมวงแหวนอะลูมิเนียมและสายยางที่เข้าคู่กัน

โดย มิโด” (MIDO) ยังได้แนะนำเคล็ดลับการเลือกสะสมนาฬิกาเพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต โดยควรเริ่มจากการอัพเดทข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอว่ามีแบรนด์ไหนกำลังจะเปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษอะไรบ้าง เพื่อนำมาศึกษาข้อมูลเชิงลึกว่าควรจะลงทุนกับเรือนนั้นหรือไม่ ซึ่งนาฬิกาที่จะสามารถเพิ่มมูลค่าในอนาคตได้นั้น ควรเป็นนาฬิกาจากแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ รวมถึงเป็นคอลเลกชั่นที่สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี โดยอาจจะเลือกจากนาฬิกาที่มีความวินเทจ ผสมผสานฟังก์ชั่นการใช้งานประสิทธิภาพสูง ทนทานกับทุกสภาพการใช้งาน จึงจะทำให้นาฬิกาเรือนนั้นมีคุณสมบัติที่ควรค่าแก่การสะสม

พบกับ โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น” (Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition) เรือนเวลาหรู คุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้แล้ววันนี้ โดยสามารถสั่งจองได้ทางเคาน์เตอร์ มิโด” (MIDO) ทุกสาขาที่เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่ LINE Official Account: @midothailand หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 02-610-0200

Advertisment