เศรษฐา เผย ประชุม ก.ตร. เตรียมถกปม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับรับราชการ

Srettha Thavisin

นายกรัฐมนตรี เผย การประชุม ก.ตร.พรุ่งนี้ มีวาระ “บิ๊กโจ๊ก” กลับมารับราชการหรือไม่ ไม่ได้มองว่าถูกขู่ฟ้อง 157 เพราะเข้าใจว่าร้อนใจ

วันที่ 25 มิถุนายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พรุ่งนี้ 26 มิถุนายน จะเข้าร่วมประชุมการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยยอมรับว่ามีประเด็นเรื่องการกลับเข้ารับราชการได้หรือไม่ได้ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหนึ่งในประเด็นที่จะต้องพิจารณาด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องกลับหรือไม่กลับเพียงอย่างเดียว เพราะมีขั้นตอนทางกฎหมายด้วย คณะกรรมการที่พิจารณาทางวินัย กับคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมก็จะนำข้อมูลต่าง ๆ มาร่วมพิจารณาซึ่งจะต้องฟังให้รอบด้าน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่าหากไม่ได้กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ใน สตช. จะดำเนินการฟ้องร้องนายกฯและทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง นายเศรษฐากล่าวว่าเรื่องของการทบทวนแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เราไม่ได้นิ่งนอนใจ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ทุกคนก็เห็นว่าเราพยายามแก้ไข แต่มีขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องทำ ซึ่งการประชุม ก.ตร.ในวันพรุ่งนี้ ก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ต้องเข้าประชุมเพื่อรับฟัง

ส่วนกรรมการวินัยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และในส่วนของคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ และเชื่อว่าถ้าเรื่องเหล่านี้จบลงแล้ว ก็จะสามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ ตนเข้าใจและเห็นใจทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เราเองก็ไม่ได้มีความลำเอียงเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อถามย้ำว่าเป็นการขู่หรือไม่ที่ พล.ต.อ.เอกสุรเชษฐ์จะดำเนินการฟ้องร้อง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ผมเข้าใจว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีความเดือดร้อนและร้อนใจ แต่ผมเชื่อว่าในฐานะที่เป็นคนทำงานด้วยกัน เราก็เข้าใจถึงความร้อนใจ และผมเองไม่ได้มองว่าเป็นการขู่ครับ”

Advertisment

เมื่อถามว่าอยากให้ภายใน สตช.มีความปรองดองช่วยกันทำงานเพื่อประชาชน แต่สิ่งที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ดำเนินการคือจะฟ้องร้องทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง จะปรองดองได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องของความปรองดองจากทุกฝ่าย

ตนอยากเอาเป็นแค่ทางผ่านอันหนึ่ง แต่จุดประสงค์ใหญ่ที่อยากให้มีความปรองดองก็เพื่อที่จะให้มีการดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน เพราะทุกวันนี้ปัญหาเยอะเหลือเกิน แต่เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเราจะก้าวข้ามผ่านไปได้ และหวังว่าทุกฝ่ายเข้าใจเรื่องของขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม และกฎหมายทั้งหลาย ทั้งนี้กรรมการอิสระที่ตั้งขึ้นมาพิจารณาข้อร้องเรียนต่าง ๆ จากทุกฝ่าย ก็ต้องมีการพิจารณาต่อไป

เมื่อถามว่านายกฯในฐานะกำกับดูแล สตช. จะให้กำลังใจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างไรเพราะถูกหางเลขไปด้วยในขณะที่ทำหน้าที่รักษาการแทน ผบ.ตร. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเชื่อว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือแม้แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เอง เชื่อว่าทุกคนก็มีปัญหาอยู่แล้ว

“ผมอยากจะขอว่า ทุกท่านเองก็มีวุฒิภาวะสูงอยู่แล้ว เรื่องของปัญหาส่วนตัว ก็จะต้องมีการแก้ไขตามกระบวนการกฎหมาย ผมอยากให้ทุกท่านสำนึกว่าเรามาอยู่ตรงนี้ได้เพื่ออะไร เพื่อดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนเรื่องสำคัญ ผมเชื่อว่าเรื่องของกำลังใจ และทุกท่านก็อยู่ในหน้าที่การงานมา 30 กว่าปีแล้ว ผมเชื่อว่าทุกท่านรู้ว่าหน้าที่คืออะไร”

Advertisment

เมื่อถามว่านายกฯมีหลักการอย่างไรที่จะจัดการกับปัญหาความขัดแย้งเพราะเป็นปัญหาของตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่ใน สตช. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้มีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เข้ามาดำรงตำแหน่ง และถ้าหากกลับไปดูก็จะเห็นว่าตนให้คำแนะนำและแนวทางปฏิบัติอย่างไร ก็จะเห็นว่าเรื่องทุกข์สุขของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

เมื่อถามต่อว่าได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวหรือไม่กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่มีครับ” แต่ในการประชุม ก.ตร. พรุ่งนี้ ถ้าเจอก็จะพูดคุยกัน เพราะเข้าใจว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็จะเข้าร่วมประชุมด้วย และก็จะมีการพูดคุยในคณะกรรมการ ก.ตร. ด้วย

“และความจริงแล้วในคณะกรรมการตนก็เป็นเพียงแค่หนึ่งเสียง แม้จะเป็นประธานก็จริง แต่ก็มีคณะกรรมการ ก.ตร. หลาย ๆ ท่านซึ่งล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ สูงสุดเป็นอดีตผู้บริหารสูงสุดทั้งนั้นใน สตช. ซึ่งก็ต้องรับฟังความเห็นของพวกท่านเหล่านี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว