พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นตลอดวัน

คอลัมน์ : SD TALK
ผู้เขียน : ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์
https://tamrongsakk.blogspot.com

พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นตลอดวัน ชีวิตการทำงานของคนเราก็เช่นเดียวกัน เมื่อมีการเริ่มต้นเข้าสู่การทำงานแล้ว ถึงวันหนึ่งก็ต้องมีลง

ผมจึงนำสัจธรรมนี้มาเปรียบเทียบว่า ในแต่ละช่วงอายุของคนทำงานจะมีอะไรบ้าง ?

หนึ่ง ช่วงอายุตั้งแต่จบการศึกษา-30 ปี : แรกเริ่ม

โดยทั่วไปคนที่เรียนจบปริญญาตรีจะมีอายุประมาณ 22-23 ปี ต้องเริ่มหางานทำ ถ้าตัดสินใจเป็นลูกจ้าง หรือเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือถ้าจะเลือกเดินสายประกอบอาชีพอิสระก็อาจจะมาค้าขาย มาเป็น Youtuber มาขายของออนไลน์ ทำอาชีพอิสระ ฯลฯ ก็ว่ากันไป

คนในช่วงอายุ “แรกเริ่ม” จะเป็นช่วงวัยที่ทำงานเพื่อค้นหาตัวตน ค้นหาความชอบ ความถนัด ความสามารถ ความเหมาะของตัวเอง ว่าอยากจะทำงานแบบไหน จะเดินเส้นทางไหนดี

Advertisment

ช่วงวัยแรกเริ่มนี้เป็นช่วงสำคัญมาก ถ้าใครสำรวจค้นหาความสามารถของตัวเองเจอได้เร็วก็จะตั้งหลักได้เร็ว และมักมีโอกาสประสบความสำเร็จก้าวหน้าในช่วงอายุต่อไปได้เร็ว จะมีโอกาสเป็น Young Talent หรือดาวรุ่งพุ่งแรง ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นลูกจ้างมืออาชีพ หรือเป็นผู้ประกอบการเองก็ตาม

แต่ถ้าใครหาความสามารถของตัวเองได้ช้า หรือไม่เจอสักที ลองทำงานนี้ก็ไม่ชอบ ทำงานไม่ได้นานก็อยากจะเปลี่ยนงานใหม่ และบ่อย บอกกับตัวเอง และคนรอบข้างว่า งานที่นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ดี ยังอยากจะค้นหาตัวเองต่อไป ค้นไปจนอายุ 30 แล้วก็ยังไม่เจอ

ผมมีข้อสังเกตเกี่ยวกับคนที่มีอายุอยู่ในช่วงวัยแรกเริ่มนี้ว่า ถ้าเริ่มต้นทำงานด้วยทัศนคติแบบที่ว่า “ให้เงินเดือนแค่นี้จะให้ทำอะไรกันนักหนา” คือมองเงินมาก่อนการได้เรียนรู้งาน ก็เห็นมาหลายรายแล้วว่ามักจะโตแบบกลวง ๆ และทำให้เส้นทางความก้าวหน้าในช่วงอายุถัดไปหักหัวลงได้ในที่สุด

บางครั้งการทำงานในช่วงวัยนี้เราอาจจะต้องยอมรับเงินน้อยกว่าที่คาดหวัง (แต่ไม่ได้หมายความว่าเงินน้อยจนครองชีพอยู่ไม่ได้นะครับ เพราะการรู้จักจัดสรรการใช้จ่ายให้เพียงพอกับรายรับ ไม่ให้ฟุ้งเฟ้อเกินตัวก็เป็นเรื่องสำคัญ)

Advertisment

แต่ถ้าเรามีโอกาสเรียนรู้งาน มีประสบการณ์ในงานนั้น ๆ แบบ “รู้ลึก รู้จริง” เพื่อนำไปเป็นต้นทุนเพื่อเพิ่มรายได้ของเราในวันข้างหน้า ก็ถือได้ว่า “ขาดทุนในวันนี้คือกำไรในวันหน้า” นะครับ

สอง ช่วงอายุ 31-40 ปี : สร้างเสริมความก้าวหน้า

ในมุมมองของผม, ผมมองว่าคนที่มีอายุในช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญที่สุด เป็นช่วงที่สามารถสะสมความรู้ความสามารถ และประสบการณ์มาในระดับที่มากเพียงพอที่จะใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมานับสิบปี สร้างผลงานที่ดี น่าสนใจ

เรามักจะพบว่าคนที่มีผลงานดี เด่น ดัง หรือระเบิดฟอร์มออกมาได้แบบสุด ๆ ก็มักจะอยู่ในคนวัยประมาณช่วงนี้แหละครับ

จะเรียกคนทำงานในช่วงวัยนี้ว่า เป็น “ช่วงวัยยุคทองของคนทำงาน” เลยก็ว่าได้ ซึ่งผลงานที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้จะกลายเป็น Portfolio หรือเป็นตำนานของคนคนนั้นต่อไปที่ทำให้คนจดจำในอนาคต

สาม ช่วงอายุ 41-50 ปี : สรรหาความมั่นคง

คนทำงานในช่วงอายุนี้จะเป็นช่วงที่ได้รับอานิสงส์จากผลงานที่ตัวเองทำเอาไว้ในช่วงอายุก่อนหน้านี้ ถ้าในช่วงอายุ 31-40 ปี มีผลงานที่เป็นที่ยอมรับเป็นที่รู้จักกันในวงการ Portfolio เหล่านั้นก็จะกลายมาเป็นฐานให้เกิดความน่าเชื่อถือยอมรับจากวงการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาจะเป็นชื่อเสียง เครดิต รวมถึงทรัพย์สินเงินทอง

แต่ถ้าคนในช่วงอายุนี้ไม่สั่งสมประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ดี โตมาแบบกลวง ๆ อย่างที่ผมบอกมาในตอนต้น คือช่วงอายุน้อย ๆ แล้วคิดจะโตแบบ Job Hopper คือยังไม่ทันจะเรียนรู้งานให้มีประสบการณ์ให้มากพอ ก็หลงไปกับเงินที่มาล่อใจ แทนที่จะอดทนเพื่อเรียนรู้หาประสบการณ์ให้รู้จริง ก็จะทำให้คนในช่วงอายุนี้มี Career Path ที่หักหัวร่วงลงไปได้

ที่สำคัญคือถ้า Career Path ในช่วงอายุนี้หักหัวลง แล้วจะพบว่าโอกาสที่จะ Turn Around กลับมา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วล่ะครับ

สี่ ช่วงอายุ 51-60 ปี : เตรียมลงจากเวที

คนในช่วงอายุนี้จะมีความมั่นคงในชีวิตการงาน และชีวิตส่วนตัวที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากช่วงอายุก่อนหน้านี้ จะพบว่าคนในช่วงอายุช่วงนี้จะมีความเชี่ยวชาญความชำนาญในด้านที่ตัวเองมีประสบการณ์มาสูงมาก หลายคนเป็นผู้บริหารกิจการ หลายคนเป็นเจ้าของกิจการ เป็นช่วงอายุที่ควรจะต้องคิด และวางแผนที่จะต้องมี “ทายาท” หรือ “Successor” เพื่อมาทดแทนในอนาคต

สำหรับในแง่ขององค์กร ควรจะต้องวางแผนให้คนที่เป็นผู้บริหาร หรือคนที่มีความเชี่ยวชาญที่มีอายุอยู่ในช่วงนี้ให้รับบทบาทหน้าที่ของ “ครู” หรือเป็น “โค้ช” ให้กับ Successor ที่จะขึ้นมาทดแทนในอนาคตอีกหน้าที่หนึ่ง เพราะการพัฒนา Successor ไม่ใช้เวลาแค่ปีสองปีนะครับ

ดังนั้น คนในช่วงอายุนี้จึงมีความสำคัญในบทบาทนักพัฒนาคนเพื่อมาทดแทน เมื่อตัวเองต้องเกษียณอายุไปด้วย

เมื่ออายุหลังจาก 60 ปีไปแล้ว คงขึ้นอยู่กับศักยภาพ และสุขภาพของแต่ละคนแล้วล่ะครับว่า คนที่ยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอาจผันตัวไปเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรต่าง ๆ หรือไปเป็นที่ปรึกษาให้กับลูก ๆ หลาน ๆ ในกิจการที่ตัวเองก่อตั้งมา ก็ว่ากันไป

และคนในช่วงอายุนี้ก็มีโอกาสที่จะเกิดอาการ Career Path หักหัวลง แบบเดียวกับช่วงอายุ 41-50 ปีได้เหมือนกัน ซึ่งก็เป็นผลมาจากพื้นฐานที่ไม่มั่นคงในช่วงอายุก่อนหน้านี้

ทั้งหมดที่ผมสรุปมานี่คือช่วงอายุของคนกับการทำงาน ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านที่จะนำไปทบทวนตัวเองดูว่าเราอยู่ในช่วงอายุไหน และควรจะวางแผนชีวิตเพื่อกำหนดเส้นทางเดินของเรายังไงต่อไป เพราะพระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นตลอดทั้งวันครับ