EV จีนเขย่าตลาดอีกรอบ BYD ล้างสต๊อกหั่นราคา 1.6 แสน

เรเว่ BYD เปิดเกมเขย่าตลาดรถ EV รอบใหม่ ทุบราคา Dolphin คันละ 1.6 แสนบาท ระบายสต๊อกลอตใหญ่เกือบ 2 พันคัน ก่อนเดินเครื่องผลิตในประเทศ คนวงการหวั่นตลาดกระทบหนักฉุดตลาดร่วงซ้ำทรุดหนักกว่าเก่า นักวิเคราะห์ฟันธงกำลังผลิตรถ EV จีนทะลักลงตลาดประเทศไทยต่อเนื่อง ฟากรถหรูเอาด้วย “เบนซ์” เปิดศึกทุบราคาคันละเกือบล้าน

ยังไม่ทันที่ทัพรถ EV จีนระลอก 3 อีก 5-6 แบรนด์ Geely, Riddara, Omoda & Jacoo, Denza ฯลฯ ที่เตรียมหน้ากระดานเรียงหนึ่งดาหน้าถล่มตลาดในไทยช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 โดยมีอาวุธสำคัญมาตรการส่งเสริม EV 3.5 ของรัฐบาลไทย มีแต้มต่อส่วนลดอีกคันละ 1 แสนบาท ซึ่งหลายคนกังวลว่าถึงตอนนั้น สงครามราคารถ EV จีนจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง แต่เอาเข้าจริงกลับเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวเร็วกว่าที่คิด

ทุบราคา Dolphin 1.6 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ BYD ในประเทศไทย ประกาศลดราคาขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% BYD Dolphin สูงสุดถึง 160,099 บาท ภายใต้แคมเปญ BYD Dolphin Day Run Out Campaign โดยรุ่น Standard Range จากราคาเดิม 699,999 บาท เหลือ 559,900 บาท รุ่น Extended Range จากราคาเดิม 859,999 บาท เหลือ 699,900 บาท

ซึ่งผู้ที่ซื้อจะได้รับการติดตั้งฟิล์ม Ceramic ยี่ห้อ XUV MAX ทุกคัน และรับสิทธิพิเศษ เรเว่ Care รับฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. 1 ปี จากบริษัทประกันภัยชั้นนำที่ร่วมรายการ อาทิ วิริยะประกันภัย, ซันเดย์, นวกิจ, เมืองไทย, แอลเอ็มจี, คุ้มภัยโตเกียวมารีน รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.98% สำหรับเงินดาวน์ 25% กรณีผ่อนนาน 48 เดือน ซึ่งบริษัทยังรับประกันตัวรถและแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปี ฟรีสายต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้า (V-to-L) ฟรีสายชาร์จเคลื่อนที่ ฟรีค่าจดทะเบียนรถ รวมเป็นมูลค่ามากกว่า 2 แสนบาท โดยรถลอตนี้จะเปิดให้จองที่โชว์รูม BYD ทั่วประเทศ ในวันเสาร์ที่ 22 มิ.ย. 67 เวลา 09.00 น. ไปจนถึง 30 มิ.ย. 67 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

Advertisment

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การถล่มราคาครั้งนี้ เนื่องจากตลาดรถ EV เงียบเหงามาพักใหญ่ ประกอบกับเรเว่ฯยังมีรถรุ่นนี้ซึ่งนำเข้าจากประเทศจีนกระจายไปตามโชว์รูมต่าง ๆ ทั่วประเทศเกือบ 2 พันคัน ถัวเฉลี่ย 200 โชว์รูม ตกประมาณโชว์รูมละเกือบ 10 คัน และที่สำคัญ สาเหตุที่ต้องเร่งระบายรถออกจากสต๊อก เพราะในวันที่ 4 ก.ค.นี้ BYD พร้อมที่จะเปิดไลน์ผลิตอย่างเป็นทางการที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จ.ระยอง และรถรุ่นแรกที่จะคลอดจากไลน์ผลิต คือ BYD Dolphin และเป็นคันที่ 8 ล้านของโลก

แหล่งข่าวจากผู้จำหน่าย BYD ในเขตพื้นที่ กทม. กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับการใช้ราคาเป็นเครื่องมือในการทำตลาด กลุ่มค่ายรถ EV จีนได้ใช้มาอย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในงานมอเตอร์โชว์ BYD ก็เคยประกาศลดราคายกแผงทุกรุ่น ทั้ง Atto 3, Dolphin และ Seal โดยลดสูงสุด 250,000 บาท ขณะที่แบรนด์อื่น ๆ เช่น ORA หรือ MG ก็เคยถล่มคันละเป็นแสนบาทเหมือนกัน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากเริ่มขึ้นไลน์ผลิตในประเทศ

นอกจากนี้บางแบรนด์ที่ยังไม่เริ่มผลิตก็ใช้แท็กติกตัดของแถมบางอย่างออกไป เช่น วอลล์ชาร์จ หรือแพ็กเกจดูแลรถ ส่วนแบรนด์ที่กลัวเสียอิมเมจ ก็ดึงความคุ้มค่ามาเป็นจุดขาย แต่พ่วงด้วยการแถมประกัน 2 ปี ล่าสุดบางยี่ห้อมีถึง 5 ปี เมื่อนำมาเทียบเป็นเม็ดเงินก็ถือเป็นแรงจูงใจพอ ๆ กับการทุบราคา

“ก่อนหน้านี้ เรเว่ฯก็มีประกาศลดราคาแบตเตอรี่ของรถ BYD ทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยสูงสุดเกือบ 3 แสนบาท เพราะเทคโนโลยีใหม่ในการผลิตแบตเตอรี่ที่เรียกว่า ใบมีด หรือ Blade ทำให้ต้นทุนต่ำลง ตรงนี้ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการทำตลาด รวมถึงสิทธิพิเศษที่มอบให้กับลูกค้า เวลาชาร์จไฟด้วยราคาเพียง 4 บาท/หน่วย แต่หลาย ๆ คนก็ยังมองว่า นี่คือสงครามราคา”

Advertisment

หวั่นกระทบทั้งอุตสาหกรรม

แหล่งข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตฯกล่าวว่า การเลือกใช้สงครามราคามาเป็นตัวเปิดเกมในการทำตลาด ผู้ประกอบการต้องมีความระมัดระวัง เพราะอาจจะส่งผลทำลายตลาดทั้งระบบ ตั้งแต่รถใหม่ไปจนถึงรถมือสอง จะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยยอดขายทรุดลงมากอยู่แล้ว ปีนี้เศรษฐกิจย่ำแย่มาก งบประมาณล่าช้าส่งผลให้กำลังซื้ออ่อนแอ และที่หนักสุดความต้องการใช้รถมี แต่กู้ไม่ผ่าน จนกระทั่งล่าสุดมีค่ายรถถึง 2 ยี่ห้อ ประกาศจะปิดโรงงานผลิตในไทย

ขณะที่รถ EV จีนก็แข่งขันกันสูงมาก เร็ว ๆ นี้ก็จะมีเข้ามาอีกเยอะ เมืองไทยตอนนี้มีมากกว่า 10 แบรนด์ จอดกันเต็มท่าเรือ กลุ่มยานยนต์ก็ห่วงว่าภาพรวมอุตฯรถยนต์ปีนี้จะไปไม่ถึง 700,000 คัน ส่วนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เดิมฟันธงว่าจะทะลุ 1 แสนคัน ก็ไม่น่าถึง

“อยากให้คนขายรถมองยาว ๆ มาช่วยกันยกระดับอุตสาหกรรมให้ดีขึ้นดีกว่า มองแค่ผ่านไปวัน ๆ ปัจจัยหลักของสงครามราคาคือการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้ามองอีกมุม รถ EV มีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำลงก็ถือเป็นเรื่องดี ปรับราคาก็ทำได้ แต่อย่างไรก็ต้องชดเชยลูกค้าที่ซื้อไปก่อนด้วย ไม่งั้นคนก็ไม่กล้าซื้อเพราะรออีกสักพักราคาคงลงอีก ถึงตอนนั้นตลาดก็เสียหายแน่นอน”

ลูกค้า EV จ้องถอนใบจอง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับปรากฏการณ์ของ BYD ทุบราคาแรงแบบนี้ ผู้บริหารค่ายรถ EV หลายแบรนด์ยอมรับว่ากระทบหนักแน่ ๆ เพราะทุกยี่ห้อต้องดิ้นเพื่อให้แข่งขันได้ ส่วนใหญ่เลือกที่จะเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นของแถมหรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ แต่ในที่สุดทนแรงกดดันไม่ไหวก็ต้องหันมาปรับลดราคา สิ่งที่น่ากังวลอีกอย่างก็คือ ค่ายรถที่เริ่มผลิตในประเทศตอนนี้ยังมีความล่าช้าในการผลิตและส่งมอบรถไม่ตรงเวลา ตรงนี้อาจจะเป็นผลเสียที่ทำให้ลูกค้าอาจเลือกถอนใบจองได้

แหล่งข่าวดีลเลอร์ขายรถ EV NETA ยอมรับกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กังวลมากเพราะราคาลงมาใกล้เคียงกับราคาขาย NETA V-II รุ่น LITE ซึ่งตั้งราคาไว้ 5.49 แสนบาท และ NETA V-II รุ่น SMART ราคา 5.69 แสนบาท ซึ่งหากเทียบกับสเป็ก Dolphin ยอมรับว่า NETA เป็นรองเยอะ ที่ผ่านมาขายได้เพราะราคาต่ำกว่า ตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่า ลูกค้าถอนจอง แต่เร็ว ๆ นี้ไม่แน่ เพราะปัจจุบันการจองรถไม่ได้แพงเหมือนเมื่อก่อน

ช่วงนี้บริษัทแม่ก็มีแคมเปญสำหรับ NETA รุ่น V (นำเข้าจากจีน) จองตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 และรับรถยนต์ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ให้ส่วนลดพิเศษ 50,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แถมฟรีประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี ฟรี NETA WALLBOX พร้อมค่าติดตั้ง ฟรีติดตั้งฟิล์มกรองแสง รอบคันและกระจกบานหน้า มูลค่ารวมก็เป็นแสนเหมือนกัน

ยันสงครามราคาไม่ใช่ทาง BYD

ก่อนหน้านี้ นายประธานวงศ์ พรประภา ซีอีโอเรเว่กรุ๊ป ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ BYD ในประเทศไทย เคยให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การปรับลดราคาลงเป็นไปตามกลไกของตลาด ส่วนผลกระทบสงครามราคาสำหรับแบรนด์ใหญ่ ๆ อาจจะไม่กระทบมากนัก แต่ค่ายรถยนต์แบรนด์เล็ก ๆ อาจกระทบบ้าง และที่สำคัญการปรับราคา BYD ทำกลางแจ้ง ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนค่ายอื่น ๆ และลูกค้าจะได้ดีลเดียวกันทั่วประเทศ ยืนยันว่า BYD ไม่ได้เป็นคนเริ่มทำสงครามราคา เพียงแต่มีค่ายรถยนต์อื่น ๆ เริ่มทำ BYD อยู่ในตลาดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ไปได้

เตือน EV จีนทะลักไม่หยุด

KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรระบุว่า รถ EV จีนกำลังทะลักเข้ามาสร้างปัญหาให้อุตฯยานยนต์ไทยในอนาคต เนื่องจากจีนมีกำลังการผลิตส่วนเกิน ดังนั้นหากต้องการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดก็ต้องใช้วิธีตัดราคา ซึ่งผลกระทบไม่ใช่แค่รถยนต์ EV เท่านั้น แต่จะกระทบทุกตลาด ที่น่ากังวลคือตลาดรถปิกอัพ ที่เป็นหัวใจหลักของธุรกิจยานยนต์ไทยและตลาดส่งออกของไทยด้วย

คาดการณ์ว่าจีนมีกำลังการผลิตรถยนต์กว่า 40 ล้านคันต่อปี แบ่งเป็นตลาดภายในประเทศ 25 ล้านคัน และตลาดส่งออก 5 ล้านคัน เหลืออีกกว่า 10 ล้านคันต่อปี คือกำลังการผลิตส่วนเกิน ซึ่งยอดขายรถยนต์ในจีนมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง และภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ส่งผลให้มีกำลังผลิตส่วนเกินเพิ่มขึ้นอีก ตลาดส่งออกจึงยังเป็นตลาดสำคัญของจีน เพื่อระบายสต๊อกรถยนต์ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ

“ประเทศไทยถือเป็นเป้าหมายหลักในการระบายรถยนต์จีนที่สำคัญ ไทยมีมาตรการให้เงินสนับสนุนการซื้อทั้ง EV 3.0 และ EV 3.5 และยังยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์จีนผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษีเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน ทำให้ไทยกลายเป็นไม่กี่ประเทศที่นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้ไทยมีสัดส่วนยอดขาย EV เร็วขึ้นกว่าหลายประเทศ”

รถหรูเอาด้วยทุบราคาเกือบล้าน

นอกจากรถ EV จีนที่เปิดศึกหั่นราคากันอย่างบ้าคลั่ง กลุ่มรถหรูก็ไม่ยิ่งหย่อน โดยเฉพาะเมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดหนักหลังตลาดหดตัว ถล่มแคมเปญ “StarFest The Last Order” มอบส่วนลดสูงสุด 900,000 บาท ระหว่างวันที่ 21-24 มิถุนายนนี้ ที่ MBCC บางนา

โดย 6 รุ่นไฮไลต์กับดีลสุดท้ายจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกอบด้วย

  • Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC ราคาพิเศษ 2,680,000 บาท
  • Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe ราคาพิเศษ 4,400,000 บาท
  • C 200 Coupe AMG Dynamic ราคาพิเศษ 2,950,000 บาท
  • E 200 Coupe AMG Dynamic ราคาพิเศษ 3,950,000 บาท
  • GLC 220 d 4MATIC Coupe AMG ราคาพิเศษ 3,600,000 บาท
  • GLC 300 e 4MATIC Coupe AMG ราคาพิเศษ 3,500,000 บาท

โดยราคาดังกล่าวไม่รวมอุปกรณ์เสริมของรถยนต์แต่ละรุ่น