สมาคมการตลาดแนะ ครึ่งปีหลังไทยต้องอยู่ด้วยข่าวดีและกำลังใจ

สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย

นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ย้ำครึ่งหลังปี ’67 ต้องอยู่ด้วยข่าวดีและกำลังใจ หลังสถานการณ์ปัจจุบันย่ำแย่กว่าโควิด หลังสารพัดวิกฤติรุมเร้า เสี่ยงผู้ประกอบการถอดใจแห่ปิดกิจการ พร้อมแนะทางออก

วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เผยสถานการณ์ปัจจุบันแย่กว่าช่วงโควิดระบาด หลังเศรษฐกิจไทย-โลกเผชิญหลากวิกฤติ ทำให้ครึ่งหลังของปี 2567 นี้ ต้องอยู่ด้วยข่าวดีและกำลังใจ เพื่อพยุงธุรกิจโดยเฉพาะ SME ให้ไปต่อได้ พร้อมแนะหนทางเสริมแกร่ง SME

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) อธิบายว่า ความท้าทายของธุรกิจในช่วงปี 2567-2568 มาจากหลายวิกฤติไม่ว่าจะเป็นด้านความขัดแย้งระหว่างประเทศ สภาพเศรษฐกิจไทย-โลกชะลอตัว ความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม และความแพร่หลายของ AI รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่สูงซึ่งทำให้กำลังซื้อขาดหายไป

หมดยุคผลิตอะไรก็ขายได้

โดยความขัดแย้งระหว่างประเทศ อาจทำให้ตลาดโลกถูกแบ่งย่อยออกเป็นค่ายต่าง ๆ ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศติดขัด จากความซับซ้อนที่สูงขึ้น จนอาจทำให้ผู้ผลิตอาจต้องเลือกข้างว่าจะผลิต-ส่งออกไปยังฝ่ายใด

ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกเติบโตเฉลี่ยเพียง 2% หลังหลายประเทศที่เคยเติบโตสูงเริ่มช้าลง ไม่ว่าจะเป็นจีนที่การเติบโตลดจากระดับ 10% มาเหลือประมาณ 5% ส่วนยุโรปกับญี่ปุ่นที่เติบโตไม่ถึง 1% เศรษฐกิจที่โตต่ำนี้ทำให้ การผลิตอะไรมาก็ขายได้นั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว

Advertisment

เมกะเทรนด์เปลี่ยนยุคธุรกิจ

ความแพร่หลายของ AI และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่จะเปลี่ยนแปลงวงการธุรกิจ

โดยการใช้งาน AI ทำให้ราคาสินค้าและบริการหลายชนิดถูกลง เช่น ภาคอุตสาหกรรมที่สามารถใช้ AI ร่วมกับระบบ IoT มาช่วยลดค่าใช้จ่ายในการผลิตลง อย่างไรก็ตามยังมีโจทย์ที่กระบวนการผลิตยังต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้เพื่อรับมือเทรนด์ที่ผู้บริโภคทั่วโลกตื่นตัวและอ่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สะท้อนจากเหตุการน้ำท่วมภูเก็ต ที่แม้จะท่วมเพียงบางพื้นที่ แต่มีการถ่ายภาพและส่งต่อกันจำนวนมาก ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง สะท้อนถึงสนใจของผู้บริโภค

ส่งผลให้ธุรกิจที่จะอยู่รอดได้ต้องระดับจากการขายสินค้า-บริการที่มีตัวตนจับต้องได้ ไปสู่การขายโซลูชั่น ซึ่งจะต้องมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบที่ปฏิบัติได้จริง

Advertisment

ต้องอยู่ด้วยข่าวดีและกำลังใจ

ดร.บุรณิน ย้ำว่า วิกฤติเหล่านี้ทำให้ เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จะต้องอยู่ด้วย ข่าวดีและกำลังใจ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันสร้างความเสี่ยงที่่ผู้ประกอบการทั่วโลกรวมถึงไทยจะถอดใจและตัดสินใจยุติกิจการ โดยเฉพาะกลุ่ม SME ซึ่งมีเงินทุนจำกัด

ด้วยเหตุนี้รัฐบาลแต่ละประเทศจึงพยายามให้ความหวังกับผู้ประกอบการในประเทศด้วยการประกาศยุทธศาสตร์ทั้งสั้นและยาว เช่น จีนที่ประกาศใช้นวัตกรรมที่พัฒนาเอง มาปรับอุตสาหกรรมในประเทศไปสู่อุตสาหกรรมสะอาด และสร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่ด้าน AI และหุ่นยนต์

ส่วนเวียดนามประกาศแนวทาง 3 together ซึ่งประกอบด้วย listen and understand together, work and enjoy together, win and develop together เพื่อดึงการลงทุนจากเกาหลีใต้ ขณะที่มาเลเซียและสิงคโปร์ประกาศลดการแข่งขันหันมาร่วมมือเพื่ออุดจุดอ่อนของกันและกัน

ทั้งนี้ผู้ประกอบการ SME ถือเป็นกลุ่มที่ยังมีศักยภาพโดยเฉพาะในไทย เนื่องจากปัจจุบันรายได้จาก SME มีสัดส่วนเพียง 35% ของจีดีพี ขณะที่ในประเทศพัฒนาแล้วเม็ดเงินจาก SME มีสัดส่วนถึง 50% ของจีดีพี

แนะ SME รุกตลาดเอเชีย

ขณะเดียวกันต้องเสริมศักยภาพให้กับผู้ประกอบการ SME ไม่ว่าจะเป็นการให้มีช่องทางขาย สื่อสาร และการสร้างคอนเทนท์เป็นของตนเอง เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถสื่อสารและสร้างอิมแพคกับผู้บริโภคในวงกว้างได้ สะท้อนจากปรากฎการณ์ต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา เช่น ความนิยมของ ลิซ่า ที่ช่วยสร้างดีมานด์สินค้าต่าง ๆ

และใช้เทคโนโลยีมาช่วยให้ต้นทุนด้านต่าง ๆ ลดลง เช่น นำ AI มาช่วยออกแบบ-พัฒนาสินค้าต้นแบบเพื่อทดลองก่อนผลิตจริง

ร่วมถึงต้องผลักดันผู้ประกอบการ SME ออกสู่ตลาดโลก โดยอาจเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านและโซนเอเชีย ด้วยการผลักดันให้ธุรกิจใหญ่จับมือคอลลาบอเรชั่นกับ SME เพื่อรุกตลาดต่างประเทศ