เจ้าสัวสหพัฒน์ แนะรัฐบาลแก้เศรษฐกิจ ต้องกระตุ้นให้ตรงจุด

เจ้าสัวสหพัฒน์

เจ้าสัวบุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์ มองภาพเศรษฐกิจไทยเหมือนรถยนต์ EV สตาร์ตเร็วแต่สู้รถน้ำมันไม่ได้ พร้อมชี้นโยบายภาครัฐเน้นแค่ระยะสั้น แนะหากกระตุ้นตรงจุดจะช่วยไดรฟ์เศรษฐกิจไทยโตเร็ว เผยเห็นด้วยขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวในงานแถลง “สหกรุ๊ป แฟร์” ครั้งที่ 28 เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2567 ถึงมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจไทยว่า ปี 2567 ยังเติบโตดี และไปต่อได้ เปรียบเสมือนกับรถยนต์อีวี ที่มีดีตรงที่สตาร์ตเร็ว แต่พอวิ่งไปสัก 300 กิโลเมตร ก็ยังสู้รถน้ำมันไม่ได้

ถ้าดูในส่วนของ GDP ประเทศไทย เมื่อเทียบกับประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ ก็ยังถือว่าเราสู้เขาไม่ไหว โดยเฉพาะประเทศจีน ที่ปัจจุบัน GDP ปรับตัวดีขึ้น 5% แต่ไทย GDP ปรับตัวขึ้นเพียงแค่ 1% เท่านั้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเทียบกับทั่วโลกประเทศไทยก็ยังถือว่ายังดีกว่า เนื่องจากประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของอาหาร ที่ได้เปรียบกว่าคนอื่นเยอะ ซึ่งถ้าเรารู้จักเปลี่ยนแปลงนำสินค้าไทยไปสร้างแบรนด์ในต่างประเทศได้ถูกที่ถูกเวลา อย่างเช่น ตอนนี้ทางฝั่งยุโรปและอเมริกา มีเงินเฟ้อสูง ก็จะสามารถทำให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้นได้

เจ้าสัวสหพัฒน์ยังกล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลเองก็ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงจุด เพราะถ้าตรงจุดก็จะช่วยไดรฟ์เศรษฐกิจให้โตเร็วขึ้น แต่ถ้าไม่ตรงจุดก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจโตช้า ซึ่งถ้าดูนโยบายส่วนใหญ่ของภาครัฐ ณ ตอนนี้เน้นแค่การแก้ปัญหาในระยะสั้น แต่ไม่ได้แก้ปัญหาในระยะยาว

Advertisment

อย่างเช่น นโยบายดิจิทัลวอลเลต ที่แน่นอนว่าถ้ามาจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังคงแค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้น ส่วนนโยบายดอกเบี้ยที่ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงตรึงไว้ที่ 2.5% นั้น ตอนนี้ถือว่าดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ย แต่หากจะลดดอกเบี้ยควรไปแก้ที่หนี้นอกระบบ

สำหรับนโยบายค่าแรงที่รัฐบาลประกาศจะปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาททั่วประเทศภายในปีนี้ มองว่าอาจจะมีผลกับผู้ใช้แรงงานต่างชาติมากกว่า เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันงานที่รับค่าแรงขั้นต่ำคนไทยส่วนใหญ่จะไม่ทำแล้ว สังเกตจากงานก่อสร้าง งานบริการ ที่ปัจจุบันแรงงานส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานต่างชาติมากกว่า

อย่างไรก็ตาม เครือสหพัฒน์ก็สนับสนุนเรื่องการขึ้นแรงงานขั้นต่ำ เนื่องจากปัจจุบันพนักงานในเครือกว่า 100,000 คน ได้ค่าแรงสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับต้นทุนของเครือสหพัฒน์มากนัก เพราะเราก็มีการนำ AI หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยเสริมด้วย

แต่อุตสาหกรรมบางประเภทอาจจะมีปัญหาได้ โดยเฉพาะธุรกิจที่ใช้แรงงานจำนวนมาก และต้องการแรงงานราคาถูก ๆ แต่สำหรับเครือสหพัฒน์เองไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเป็นอย่างไรเราก็พร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา

Advertisment