![Infinix Infinix](https://www.prachachat.net/wp-content/uploads/2024/06/Infinix-1-728x485.jpg)
ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนที่เป็นไปอย่างดุเดือด แต่ละแบรนด์ต่างงัดกลยุทธ์ ทั้งในแง่ของสเป็กและราคาออกมาประชันกัน เพื่อช่วงชิงการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค บ้างก็ให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ Personalize ตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะกับกลุ่มเกมเมอร์หรือคนรักการเล่นเกม
หนึ่งในนั้น คือ “อินฟินิกซ์” (Infinix) แบรนด์สมาร์ทโฟนในเครือ “Transsion” อีกหนึ่งมังกรจีน ด้วยการเปิดตัว “Infinix GT 20 Pro 5G” เกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมชิปเซต 4 นาโนเมตร จอแสดงผล การจัดการพลังงาน รองรับการเล่นเกมระดับโปรเพลเยอร์ ใช้ ROM 256GB RAM 12GB (เพิ่มความจุได้สูงสุด 24GB) ที่ราคา 12,999 บาท
- หวยออกงวด 1 ก.ค. ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล-สถิติหวยย้อนหลัง 10 ปี
- หวยออกงวด 1 ก.ค. 67 ถ่ายทอดสด ตรวจผลรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ วันนี้
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 1 ก.ค. 2567
Infinix ร่วมมือกับ “การีนา” (Garena) ผู้ให้บริการเกม RoV (Arena of Valor) หนึ่งในเกมออนไลน์ยอดนิยมบนมือถือ พัฒนา Infinix GT 20 Pro 5G ให้เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับการเล่น RoV เฟรมเรต 120 FPS จากทั่วไปรองรับได้ 60 FPS ทำให้เล่นเกมลื่นไหลขึ้น อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ในการแข่งขันอีสปอร์ตหลายรายการ รวมถึง RoV Pro League 2024 Winter ด้วย
“ปิยะพงษ์ บัวบาน” ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ อินฟินิกซ์ ไทยแลนด์ กล่าวว่า เทรนด์การเล่นเกมออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน ขณะที่อุตสาหกรรมอีสปอร์ตยังมีแนวโน้มเติบโตจากจำนวนผู้เล่นและผู้ติดตามการแข่งขันที่มากขึ้น บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการเติมเต็มความต้องการของตลาด ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ชูจุดเด่นเรื่องการเล่นเกมโดยเฉพาะ
“แม้จะชูจุดเด่นเรื่องการเล่นเกม แต่คนที่ไม่ได้เล่นเกมก็ใช้ได้ ด้วยความที่สมาร์ทโฟนออกแบบมาให้รองรับการเล่นเกม สเป็กของเครื่องจึงครอบคลุมการใช้งานในทุกด้าน”
หากย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของการบุกตลาดในไทย “ปิยะพงษ์” เล่าว่า อินฟินิกซ์เริ่มเข้ามาในไทยในปี 2560 ด้วย
กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีราคา 3-5 พันบาท เน้นการขายออฟไลน์ผ่านร้านตู้ในจังหวัดต่าง ๆ ก่อนขยับมาขายผ่านช่องทางออนไลน์เมื่อ 3-4 ปีก่อน ปัจจุบันยอดขายจากช่องทางออฟไลน์ยังมีสัดส่วนมากกว่า ประมาณ 80%
“นอกจากเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่แล้ว ปีนี้เรายังทดลองนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแล็ปทอปเข้ามาทำตลาดด้วย โดยเปิดตัว Infinix GTBOOK ราคาเริ่มต้น 33,990 บาท และ Infinix INBOOK Y3Max ราคาเริ่มต้น 14,990 บาท เน้นขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น และมุ่งหวังว่าการทำตลาดอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์มากขึ้น”
หันมามองภาพรวมของอุตสาหกรรมเกม และอีสปอร์ตยังเติบโตต่อเนื่อง โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตไทยในปี 2566 มีมูลค่า 34,556 ล้านบาท และเกมมีสัดส่วนถึง 85% ในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์
ด้าน “เอกลักษณ์ โตตระการตระกูล” ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย อินฟินิกซ์ ไทยแลนด์ เสริมว่า การเปิดตัว Infinix GT 20 Pro 5G จะช่วยสร้างความหลากหลายให้ผู้บริโภคในราคาที่จับต้องได้ และเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอ ที่ปัจจุบันมีวางจำหน่ายในไทย 4 ซีรีส์ ได้แก่ 1.สมาร์ท ราคาต่ำกว่า 3,000 บาท 2.ฮอต ราคาต่ำกว่า 5,000 บาท 3.โน้ต ราคาต่ำกว่า 12,000 บาท และ 4.จีที ราคาสูงกว่า 12,000 บาท
และว่าปัจจุบันอินฟินิกซ์ครองส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนตามยอดการส่งมอบเครื่องในไทยที่ประมาณ 5% โดย 60% ของยอดขายมาจากซีรีส์สมาร์ท ซึ่งเป็นกลุ่มที่เน้นขายปริมาณ สเป็กพื้นฐานเน้นการใช้งานทั่วไป
สำหรับการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน “เอกลักษณ์” มองว่า ปีนี้การแข่งขันสูงมาก เพราะมีตัวเลือกจากหลากหลายแบรนด์ แต่สภาพเศรษฐกิจหรือกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวมากนัก จึงประเมินว่ายอดขายสมาร์ทโฟนโดยรวมต่อเดือนจะอยู่ที่ 1.1 ล้านเครื่อง ไม่ต่างจากปีที่แล้วมากนัก
“ปีนี้อินฟินิกซ์ตั้งเป้าเติบโตจากปีก่อน 40-50% ขยับจากที่ขายได้ 6 แสนเครื่อง เป็น 9 แสนเครื่อง ส่วนตัว Infinix GT 20 Pro 5G ตั้งเป้าในช่วงเปิดตัวไว้ที่หมื่นเครื่องต่อเดือน หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ ปรับลดลงเหลือไม่ต่ำกว่า 8 พันเครื่องต่อเดือน”
“เอกลักษณ์” กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ว่า จะเน้นสร้างความร่วมมือกับร้านค้าปลีกเจ้าดัง เช่น Jaymart, IT City, TG Fone และอื่น ๆ โดยมีพนักงานขายและการทำหน้าร้านให้โดดเด่น ซึ่งในอดีตอินฟินิกซ์ยังเข้าไม่ถึงร้านค้าในกลุ่มนี้มากนัก พร้อมไปกับการเดินหน้าสร้างการรับรู้ผ่านการเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันอีสปอร์ต และในปีหน้าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในการร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์มากขึ้น
“ปลายไตรมาส 3/2567 จะมีสมาร์ทโฟนราคาสูงกว่า 15,000 บาท เข้ามาวางจำหน่ายในไทยเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้ผู้บริโภค และมองว่าถ้านโยบายดิจิทัลวอลเลตมีความชัดเจนมากขึ้น หรือใช้ซื้อสมาร์ทโฟนได้ ก็น่าจะกระตุ้นกำลังซื้อในกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ แต่เน้นความคุ้มค่าได้”