เปิดกลยุทธ์ Infinix ชิงเค้กสมาร์ทโฟน “เกมเมอร์”

Infinix

ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนที่เป็นไปอย่างดุเดือด แต่ละแบรนด์ต่างงัดกลยุทธ์ ทั้งในแง่ของสเป็กและราคาออกมาประชันกัน เพื่อช่วงชิงการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค บ้างก็ให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ Personalize ตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะกับกลุ่มเกมเมอร์หรือคนรักการเล่นเกม

หนึ่งในนั้น คือ “อินฟินิกซ์” (Infinix) แบรนด์สมาร์ทโฟนในเครือ “Transsion” อีกหนึ่งมังกรจีน ด้วยการเปิดตัว “Infinix GT 20 Pro 5G” เกมมิ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมชิปเซต 4 นาโนเมตร จอแสดงผล การจัดการพลังงาน รองรับการเล่นเกมระดับโปรเพลเยอร์ ใช้ ROM 256GB RAM 12GB (เพิ่มความจุได้สูงสุด 24GB) ที่ราคา 12,999 บาท

Infinix ร่วมมือกับ “การีนา” (Garena) ผู้ให้บริการเกม RoV (Arena of Valor) หนึ่งในเกมออนไลน์ยอดนิยมบนมือถือ พัฒนา Infinix GT 20 Pro 5G ให้เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับการเล่น RoV เฟรมเรต 120 FPS จากทั่วไปรองรับได้ 60 FPS ทำให้เล่นเกมลื่นไหลขึ้น อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ในการแข่งขันอีสปอร์ตหลายรายการ รวมถึง RoV Pro League 2024 Winter ด้วย

“ปิยะพงษ์ บัวบาน” ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ อินฟินิกซ์ ไทยแลนด์ กล่าวว่า เทรนด์การเล่นเกมออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมเล่นเกมบนสมาร์ทโฟน ขณะที่อุตสาหกรรมอีสปอร์ตยังมีแนวโน้มเติบโตจากจำนวนผู้เล่นและผู้ติดตามการแข่งขันที่มากขึ้น บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการเติมเต็มความต้องการของตลาด ด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ชูจุดเด่นเรื่องการเล่นเกมโดยเฉพาะ

“แม้จะชูจุดเด่นเรื่องการเล่นเกม แต่คนที่ไม่ได้เล่นเกมก็ใช้ได้ ด้วยความที่สมาร์ทโฟนออกแบบมาให้รองรับการเล่นเกม สเป็กของเครื่องจึงครอบคลุมการใช้งานในทุกด้าน”

Advertisment

หากย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของการบุกตลาดในไทย “ปิยะพงษ์” เล่าว่า อินฟินิกซ์เริ่มเข้ามาในไทยในปี 2560 ด้วย

กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีราคา 3-5 พันบาท เน้นการขายออฟไลน์ผ่านร้านตู้ในจังหวัดต่าง ๆ ก่อนขยับมาขายผ่านช่องทางออนไลน์เมื่อ 3-4 ปีก่อน ปัจจุบันยอดขายจากช่องทางออฟไลน์ยังมีสัดส่วนมากกว่า ประมาณ 80%

“นอกจากเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่แล้ว ปีนี้เรายังทดลองนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแล็ปทอปเข้ามาทำตลาดด้วย โดยเปิดตัว Infinix GTBOOK ราคาเริ่มต้น 33,990 บาท และ Infinix INBOOK Y3Max ราคาเริ่มต้น 14,990 บาท เน้นขายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น และมุ่งหวังว่าการทำตลาดอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์มากขึ้น”

หันมามองภาพรวมของอุตสาหกรรมเกม และอีสปอร์ตยังเติบโตต่อเนื่อง โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตไทยในปี 2566 มีมูลค่า 34,556 ล้านบาท และเกมมีสัดส่วนถึง 85% ในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์

Advertisment

ด้าน “เอกลักษณ์ โตตระการตระกูล” ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย อินฟินิกซ์ ไทยแลนด์ เสริมว่า การเปิดตัว Infinix GT 20 Pro 5G จะช่วยสร้างความหลากหลายให้ผู้บริโภคในราคาที่จับต้องได้ และเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอ ที่ปัจจุบันมีวางจำหน่ายในไทย 4 ซีรีส์ ได้แก่ 1.สมาร์ท ราคาต่ำกว่า 3,000 บาท 2.ฮอต ราคาต่ำกว่า 5,000 บาท 3.โน้ต ราคาต่ำกว่า 12,000 บาท และ 4.จีที ราคาสูงกว่า 12,000 บาท

และว่าปัจจุบันอินฟินิกซ์ครองส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนตามยอดการส่งมอบเครื่องในไทยที่ประมาณ 5% โดย 60% ของยอดขายมาจากซีรีส์สมาร์ท ซึ่งเป็นกลุ่มที่เน้นขายปริมาณ สเป็กพื้นฐานเน้นการใช้งานทั่วไป

สำหรับการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน “เอกลักษณ์” มองว่า ปีนี้การแข่งขันสูงมาก เพราะมีตัวเลือกจากหลากหลายแบรนด์ แต่สภาพเศรษฐกิจหรือกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวมากนัก จึงประเมินว่ายอดขายสมาร์ทโฟนโดยรวมต่อเดือนจะอยู่ที่ 1.1 ล้านเครื่อง ไม่ต่างจากปีที่แล้วมากนัก

“ปีนี้อินฟินิกซ์ตั้งเป้าเติบโตจากปีก่อน 40-50% ขยับจากที่ขายได้ 6 แสนเครื่อง เป็น 9 แสนเครื่อง ส่วนตัว Infinix GT 20 Pro 5G ตั้งเป้าในช่วงเปิดตัวไว้ที่หมื่นเครื่องต่อเดือน หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ ปรับลดลงเหลือไม่ต่ำกว่า 8 พันเครื่องต่อเดือน”

“เอกลักษณ์” กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ว่า จะเน้นสร้างความร่วมมือกับร้านค้าปลีกเจ้าดัง เช่น Jaymart, IT City, TG Fone และอื่น ๆ โดยมีพนักงานขายและการทำหน้าร้านให้โดดเด่น ซึ่งในอดีตอินฟินิกซ์ยังเข้าไม่ถึงร้านค้าในกลุ่มนี้มากนัก พร้อมไปกับการเดินหน้าสร้างการรับรู้ผ่านการเป็นสปอนเซอร์การแข่งขันอีสปอร์ต และในปีหน้าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในการร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์มากขึ้น

“ปลายไตรมาส 3/2567 จะมีสมาร์ทโฟนราคาสูงกว่า 15,000 บาท เข้ามาวางจำหน่ายในไทยเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้ผู้บริโภค และมองว่าถ้านโยบายดิจิทัลวอลเลตมีความชัดเจนมากขึ้น หรือใช้ซื้อสมาร์ทโฟนได้ ก็น่าจะกระตุ้นกำลังซื้อในกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ แต่เน้นความคุ้มค่าได้”