AI : Apple Intelligence นวัตกรรม = แบรนด์ Apple

apple

ในงาน WWDC 2024 “แอปเปิล” (Apple) เทรนด์เซตเตอร์แห่งวงการไอทีกลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วย “Apple Intelligence” ระบบอัจฉริยะส่วนบุคคล ที่ถ้าเขียนแบบย่อ ก็คือ “AI”

เหมือนคำย่อของเทคโนโลยี Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์) เทคโนโลยีแห่งยุคสมัยที่กำลังเขย่าโลกอยู่ในขณะนี้

AI ของแอปเปิล หรือ Apple Intelligence มาพร้อมการพลิกโฉมครั้งใหญ่ ตั้งแต่ฟีเจอร์ผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียงอย่าง “Siri” ซึ่งเปรียบได้กับ AI คู่บุญที่อยู่กับผลิตภัณฑ์ของ Apple มาตั้งแต่ปี 2554 ด้วยอินเทอร์เฟซการใช้งานที่มีลูกเล่นมากขึ้น การโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติ และการผสานพลังของ ChatGPT

ไม่ใช่เท่านั้นยังรวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นมาก เช่น Genmoji สร้างอีโมจิแบบคัสตอม และ Image Playground สร้างภาพจากคีย์เวิร์ดเพื่อใช้ในแอปต่าง ๆ เป็นต้น

ต้องยอมรับว่าตลอด 1-2 ปีมานี้ หลายฝ่ายจับตาว่า Apple จะมีความเคลื่อนไหวกับการมาถึงของเทคโนโลยี AI อย่างไร เพราะบิ๊กเทคทั้งหลายกระตือรือร้นกับการเปิดตัว AI ของตนเป็นอย่างมาก คู่แข่งในสมรภูมิสมาร์ทโฟนอย่างยักษ์จากเกาหลีใต้ “ซัมซุง” (Samsung) ก็ชิงเปิดตัว “Galaxy S24” AI Phone ตั้งแต่ต้นปี 2567

Advertisment

บ้างก็ว่า Apple ลงสนาม AI ช้าไปหรือเปล่า แต่บางส่วนก็มองว่าจังหวะเวลานี้ คือการแสดงความเป็น Apple “แบบตะโกน” ก้าวข้ามความช้ากว่าหรือเร็วกว่า

อีกสิ่งที่ทำให้ Apple Intelligence น่าสนใจเป็นพิเศษ คือการใช้ประโยชน์จาก “อีโคซิสเต็ม” ที่เป็นจุดแข็งของ Apple อยู่แล้ว

“ขจร เจียรนัยพาณิชย์” บล็อกเกอร์สายไอทีเจ้าของนามปากกา “Khajochi” กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โมเดล AI ของ Apple Intelligence แบ่งเป็นส่วนที่อยู่ในเครื่อง 90% และประมวลผลผ่าน ChatGPT อีก 10% ข้อดีของการมี AI ฝังอยู่ในเครื่อง คือประมวลผลอย่างรวดเร็ว ใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพราะไม่ต้องส่งข้อมูลไปประมวลผลบนคลาวด์ รวมถึง AI ยังรู้จักและเข้าถึงข้อมูลของเจ้าของอุปกรณ์อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเทรนข้อมูลเข้าไปอีก ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ Apple มีเหนือเจ้าอื่นมาก ๆ

“การที่ Apple เป็นเจ้าของอีโคซิสเต็มทั้งชิป และซอฟต์แวร์ ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถบีบอัดไซซ์ของโมเดล AI มาใส่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย อีกทั้ง Apple ยังเป็นแบรนด์ที่สร้างประสบการณ์ใช้งานเก่งมาก ๆ จึงทำให้การเปิดตัว Apple Intelligence ครั้งนี้น่าจับตา”

Advertisment

Apple ประกาศว่า Apple Intelligence สามารถใช้ได้ใน iPhone 15 Pro-Pro Max, iPad และ Mac ชิป M1 หรือรุ่นที่ใหม่กว่า โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้ชิปที่ Apple พัฒนาเองทั้งหมด ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเชื่อมอีโคซิสเต็มกับระบบปฏิบัติการของตนเอง

“แบรนด์” ยังเป็นแรงหนุนให้ Apple Intelligence ไม่แพ้กัน โดย Apple เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เก่งเรื่องการสื่อสารกับผู้บริโภค สามารถสร้างความไว้วางใจในกลุ่มผู้ใช้งาน มีฐานลูกค้าประจำที่เรียกกันติดปากว่า “สาวกแอปเปิล” อยู่ทั่วทุกมุมโลก

สอดคล้องกับข้อมูล Kantar BrandZ Top 100 Most Valuable Global Brands 2024 ที่ระบุว่า Apple ครองตำแหน่งแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกติดต่อกัน 3 ปีซ้อน ทั้งยังเป็นแบรนด์แรกที่มีมูลค่าทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ยิ่งแบรนด์มีมูลค่ามากเท่าไร ยิ่งสะท้อนถึงพลังของแบรนด์ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคมากขึ้นเท่านั้น

การบรรยายหัวข้อ The Age of Rebranding: Unveiling the Secrets Behind Iconic Brand Transformations ในงาน Creative Talk Conference 2024 ล่าสุด “สุธีรพันธุ์ สักรวัตร” Chief Customer Officer, SCBX กล่าวว่า ชื่อบริการต่าง ๆ ของ Apple จะมีคำว่า “Apple” นำหน้าเสมอ เช่น Apple TV+, Apple Music, Apple Podcasts แม้แต่กลุ่มผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ เช่น iPhone และ iPad มีภาพจำของ Apple ชัดเจนมาก

เพราะการสร้างแบรนด์ของ Apple ใช้โครงสร้างที่เรียกว่า “Branded House” คือแบรนด์ลูกทั้งหมดถือเป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์แม่ จึงใช้ชื่อแบรนด์แม่เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงลูกค้า

“ข้อดีของการใช้โครงสร้างแบบนี้ คือการสื่อสารของแบรนด์แม่จะแข็งแรงมาก ๆ ลูกค้ารู้ทันทีว่าเป็นสินค้าของแบรนด์อะไร แต่ก็มีความเสี่ยงตรงที่หากแบรนด์ใดเกิดปัญหา จะส่งผลเสียต่อการรับรู้ของแบรนด์แม่ทั้งหมด”

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การเปิดตัว Apple Intelligence หรือ “AI” ของ Apple อย่างเป็นทางการทำให้อุณหภูมิการแข่งขันในสนาม AI ร้อนแรงยิ่งขึ้น