FSMART เคาะปันผลครึ่งหลังปี’66 อีก 0.18 บาท เร่งธุรกิจอีวี GINKA-คาเฟ่เต่าบิน

ณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี
ณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี

FSMART เคาะปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.18 ต่อหุ้น รวมทั้งปีปันผล 0.36 บาท รายได้ปี 2566 รวม 2,068.77 ล้านบาท กำไร 299.44 ล้านบาท ลุยขยายเครื่องชาร์จอีวี GINKA 2,000 จุด และตู้เต่าบินให้ครบ 10,000 ตู้ พร้อมเดินหน้าสร้างต้นแบบปั๊ม EV พ่วงคาเฟ่ครบวงจร คาดเปิดได้ไตรมาส 3/2567

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) “FSMART” ผู้ให้บริการตู้ “บุญเติม” และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า “GINKA Charge Point” เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท รวมเป็นเงิน 136 ล้านบาท จากผลประกอบการครึ่งหลังปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2566 ถึง 31 ธ.ค. 2566

โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 6 มี.ค. 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ซึ่งรวมทั้งปีบริษัทจ่ายเงินปันผลรวม 0.36 บาทต่อหุ้น โดยมีการจ่ายเงินปันระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท จากผลประกอบการครึ่งปีแรกไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมจากธุรกิจหลัก 2,068.77 ล้านบาท กำไรสุทธิ 299.44 ล้านบาท มีมูลค่าการทำรายการรวม 33,869 ล้านบาท ซึ่งบริษัทพยายามตอบโจทย์ลูกค้าเติมเงินและรับชำระเงินอัตโนมัติด้วยบริการใหม่ ๆ เช่น การเติมเงิน Wallet การซื้อแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต

โดยหาแพ็กเกจที่เพิ่มความคุ้มค่าเพื่อรักษาฐานลูกค้า และกระตุ้นการใช้งานให้กับกลุ่มแรงงานต่างด้าว (CLMV) ให้รับรู้และใช้บริการต่อเนื่อง ด้วยบริการผ่านตู้บุญเติมมากกว่า 125,000 ตู้ และช่องทางเคาน์เตอร์แคชเชียร์กว่า 3,200 จุดทั่วประเทศ

Advertisment

รวมถึงการบริษัทเป็นตัวแทนธนาคารมากถึง 8 ธนาคาร ที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านตู้บุญเติมได้หลากหลายและได้รับบริการที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ธุรกิจ New S-Curve อย่างเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า GINKA Charge Point ในปี 2566 ยังติดตั้งได้มากกว่า 100 จุด และอยู่ระหว่างเพิ่มจำนวนจุดให้บริการเพื่อให้มีรายได้เพิ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่นเดียวกับตู้จำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติ “เต่าบิน” ที่จะบริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 26.71% มีการขยายตู้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,450 ตู้ รวมเป็น 6,392 ตู้ทั่วประเทศ

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตรวมมากกว่า 10% โดยมุ่งมั่นผลักดันรายได้ธุรกิจเครื่องจำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติและเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น

โดยเฉพาะ GINKA Charge Point ที่มีเป้าหมายการติดตั้งเครื่องชาร์จระบบ AC ปีนี้ 2,000 จุด ต่อเนื่องไป 5,000 จุด และ 10,000 จุดภายใน 3 ปี โดยจะเพิ่มเครื่องชาร์จระบบ DC เข้ามาทำตลาดในช่วงกลางปี 2567

Advertisment

พร้อมกันนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าปรับโมเดลใหม่สำหรับเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า GINKA Charge Point ซึ่งนอกจากจะให้บริการในรูปแบบสถานีบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจรแห่งแรก (EV Station) พร้อม “เต่าบินคาเฟ่” เคาน์เตอร์อัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม โดยจำหน่ายสินค้าและบริการในรูปแบบการให้บริการด้วยตนเอง เช่น เคาน์เตอร์เครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติที่สามารถชงเครื่องดื่มได้พร้อมกันจำนวนหลายแก้วและมีเมนูที่หลากหลาย อาทิ เมนูชานมไข่มุก

รวมถึงเคาน์เตอร์อัตโนมัติจำหน่ายอาหารพร้อมทานต่าง ๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นทอด เป็นต้น พร้อมพื้นที่นั่งรับประทานอาหารและเครื่องดื่มขณะที่รอชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 ปีนี้แล้ว บริษัทจะขยายในรูปแบบคาเฟ่เต่าบินร้านเล็ก ๆ ที่มีเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (GINKA) เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง สามารถใช้ระหว่างพักรถขณะเดินทาง ที่วางแผนจะเปิดให้บริการแห่งแรกในปีนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทยังคงรับส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 26.71% ในธุรกิจตู้จำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติ “เต่าบิน” ภายใต้การบริหารของ บริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด อย่างต่อเนื่อง จากเป้าขยายการติดตั้งในปีนี้เพิ่มเป็น 10,000 ตู้ จากล่าสุด 6,392 ตู้ (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566) พร้อมขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เพิ่มความถี่ในการซื้อ จากการออกแบบเมนูใหม่ ๆ ในแต่ละเทศกาลให้กับลูกค้า และขยายให้ได้ตามเป้าหมายที่จะติดตั้งเพื่อบริการให้ได้ 20,000 ตู้ใน 3 ปี

ส่วนธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงินผ่านตู้บุญเติม ยังมียอดผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่องมากกว่า 15 ล้านรายหรือประมาณ 20 ล้านรายการต่อวัน ซึ่งคาดว่าในปีนี้กำลังซื้อของลูกค้ามีแนวโน้มดีขึ้นจากยอดเติมเงินที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

โดยบริษัทจะเพิ่มศักยภาพนวัตกรรมใหม่ จัดโปรโมชั่น พร้อมเพิ่มเติมบริการต่าง ๆ สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงร่วมกับพาร์ตเนอร์อีกอย่างน้อย 1 รายในการเพิ่มจุดชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์แคชเชียร์อีก 800 สาขา รวมเป็นกว่า 4,000 สาขา เพื่อส่งเสริมบริการให้ครอบคลุมเพื่อรักษาฐานลูกค้าประจำที่มีการใช้งานต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นในการเพิ่มการเป็นตัวแทนธนาคารอีก 1 ธนาคารจากเดิมที่มีอยู่ 8 ธนาคารให้เป็น 9 ธนาคาร พร้อมขยายบริการฝากเงินและถอนเงินสำหรับกลุ่มลูกค้า CLMV ให้ได้รับความสะดวกในการเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น รวมทั้งขยายพอร์ตสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชั่นมือถือกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่กว่า 1 ล้านราย วงเงินประมาณ 500-800 ล้านบาท โดยบริหาร NPL ให้น้อยกว่า 5% และจะจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและโทรศัพท์มือถือเงินผ่อน (BNPL) ให้กลุ่มนี้เช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจรเป็นอย่างดี