“ศรีสุวรรณ” ค้าน ครม.อนุมัติปูนซิเมนต์ไทยทำเหมืองในป่าสงวนทับกลาง-มวกเหล็ก

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า สมาคมได้ออกแถลงการณ์คัดค้านมติอนุมัติทำเหมืองในป่าสงวนทับกวาง-มวกเหล็ก ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติผ่อนผันให้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าทับกวางและป่ามวกเหล็ก จ.สระบุรี เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ จำนวน 15 แปลง ในท้องที่ ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก และ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี รวมเนื้อที่ 3,223 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา โดยพื้นที่ประทานบัตร 15 แปลง มีเนื้อที่รวม 3,311 ไร่ 2 งาน 67 ตารางวา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เสนอนั้น พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ซึ่งมติ ครม.ในอดีตเมื่อ 12 ตุลาคม 2519 เคยกำหนดห้ามไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะพื้นที่ป่าไม้เป็นรูปแบบอื่นอย่างเด็ดขาดทุกกรณี เพื่อรักษาไว้เป็นพื้นที่ต้นน้ำ ลำธาร ยกเว้นจะผ่อนผันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เช่น การก่อสร้างเส้นทางเพื่อความมั่นคง ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2532 เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย และระบุด้วยว่าไปจะไม่อนุมัติให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานใดใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ อีกไม่ว่ากรณีใด

“การที่ ครม.อนุมัติพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ให้กับกลุ่มทุนบริษัทเอกชนในตลาดหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรมาแบ่งปันกันไปกว่า 3 พันไร่ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ จะให้ประชาชนแปลความหมายการอนุมัติเรื่องนี้ไว้อย่างไร ทั้งที่ในอดีตหากจะมีการขอผ่อนผันก็จะอนุญาตให้ไม่เกิน 10 ปีเท่านั้น แต่ครั้งนี้กลับประเคนให้ถึง 18 ปีอย่างง่ายดาย เวลาชาวบ้านเข้าป่าไปเก็บเห็ด เก็บผักหวานในพื้นที่ป่าต้องถูกจับขังคุก ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของใครกันแน่ ที่สำคัญการใช้อำนาจดังกล่าวส่อจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 53 มาตรา 57 และมาตรา 63 ประกอบ มาตรา 17 วรรคสี่ ของ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2559 ที่กําหนดให้การทําเหมืองต้องไม่ใช่พื้นที่ที่มีกฎหมายห้ามการเข้าใช้ประโยชน์ พื้นที่เขตปลอดภัยและความมั่นคงแห่งชาติ หรือพื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับน้ำซึมโดยเด็ดขาด” นายศรีสุวรรณกล่าว

แถลงการณ์ระบุอีกว่า กรณีดังกล่าวสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจึงขอเรียกร้องไปยังคณะรัฐมนตรีขอให้ทบทวนมติดังกล่าว หากยังมีจิตสำนึกของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่บ้าง หาไม่เช่นนั้นแล้วสมาคมและชาวบ้านจำเป็นต้องหันไปพึ่งบารมีของศาลปกครองต่อไป

ด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า รัฐบาลเผด็จการทหาร คสช. รีบอนุมัติให้นายทุนเรื่องล่อแหลมเสี่ยงต่อการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ต้องปกป้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ ควรให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณา รีบร้อนเพื่อใคร เพื่อชาติและประชาชน หรือเพื่อนายทุนกันแน่

 

Advertisment

 

ที่มา : มติชนออนไลน์