“มนพร” เพิ่มรถ ขสมก. 3,390 คัน ผลงาน 8 เดือนยกระดับคุณภาพการให้บริการ

รถเมล์ ขสมก.

ใช้เวลา 8 เดือนแต่ผลงานฟูฟ่อง “ดร.มนพร เจริญศรี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินหน้ายกระดับคุณภาพการให้บริการรถโดยสาร

จุดโฟกัสอยู่ที่หน่วยงาน “ขสมก.-องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ” ซึ่งริเริ่มดำเนินการจัดหารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด ภายใต้แผนแม่บทที่วางเป้าหมายจัดหารวม 3,390 คัน

เพิ่มรถเมล์ ขสมก. 3 เฟส

สำหรับรายละเอียดการเพิ่มรถเมล์ ขสมก.จำนวนทั้งสิ้น 3,390 คัน แบ่งเป็น แผนระยะที่ 1 ด้วยการเช่ารถเพิ่มจำนวน 350 คัน มีกำหนดรับรถในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2567

ระยะที่ 2 วางแผนเช่ารถโดยสารพลังงานสะอาด หรือรถเมล์ EV เข้ามาเสริมพอร์ต จำนวน 1,520 คัน มีกำหนดรับรถเข้ามาช่วงเดือนเมษายน 2568

เท่ากับแผนระยะที่ 1+2 ขสมก.จะมีจำนวนรถเข้ามาใหม่รวมจำนวน 1,870 คัน เพื่อนำมาวิ่งให้บริการแทนรถโดยสารเดิมที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล และมีอายุการใช้งานเกิน 30 ปี

Advertisment

สำหรับระยะที่ 3 วางแผนดำเนินการจัดหารถพลังงานสะอาดตามพระราชบัญญัติการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน ปี 2562 ที่เรียกชื่อสั้น ๆ ว่า พ.ร.บ.ร่วมทุน แต่คนส่วนใหญ่รู้จักในนามการประมูลรูปแบบ PPP (Public-Private Partnership) จำนวน 1,520 คัน

อัพเดตล่าสุด ขสมก.อยู่ในขั้นตอนเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) สำหรับวงเงินลงทุนเพื่อว่าจ้างที่ปรึกษาจัดทำรายงานการศึกษา PPP เบื้องต้นคาดว่าจะจัดหาผู้ร่วมลงทุน PPP พร้อมทยอยรับรถใหม่ได้ในช่วงปลายปี 2571 เป็นต้นไป

เบ็ดเสร็จ แผนแม่บทจัดหารถเพิ่มเติมในพอร์ตการเดินรถของ ขสมก.ทั้ง 3 ระยะดังกล่าว ในอนาคตจะทำให้มีจำนวนรถใหม่เพิ่มเติมทั้งสิ้น 3,390 คัน

จุดเน้นอยู่ที่แผนการจัดหารถโดยสารเพิ่มขึ้นนั้น ต้องการให้ประชาชนมีรถโดยสารที่เพียงพอต่อการให้บริการ เนื่องจากประชาชนมีแนวโน้มที่จะใช้บริการเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ผู้โดยสารในเมืองกรุงจะไม่ต้องรอรถเป็นเวลานานอีกต่อไป

Advertisment
ดร.มนพร เจริญศรี
ดร.มนพร เจริญศรี

12 โครงการเด่นพลิกโฉมหน้า

ดร.มนพรกล่าวว่า ตามที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แบ่งงานในกระทรวงคมนาคม โดยมอบหมายให้ตนรับผิดชอบกำกับดูแล ขสมก.ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2566 เป็นต้นมา ปัจจุบันได้กำกับดูแล ขสมก.มาเป็นระยะเวลา 8 เดือนแล้ว (กันยายน 2566-พฤษภาคม 2567)

ไฮไลต์ความสำเร็จในช่วง 8 เดือนพบว่า ขสมก.มีการพัฒนาในทุกด้าน และมีโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ กับโครงการที่ปฏิบัติจนสำเร็จเป็นรูปธรรม ตรงตามนโยบายที่ได้มอบหมายไว้ โดย ขสมก.ได้รายงานโครงการเด่นจำนวน 12 โครงการ ดังนี้

1.การจัดหารถโดยสารให้ครบ จำนวน 3,390 คัน 2.การผลักดันแผนขับเคลื่อนกิจการองค์การขนส่งมวลชน 3.โครงการพัฒนาป้อมนายท่าปล่อยรถ เพื่อทดแทนป้อมเดิมที่มีสภาพเก่าและทรุดโทรม และติดตั้งจอ LED เชื่อมต่อกับระบบ GPS ของรถโดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ

4.โครงการสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล (เบิกตรง) ทำให้พนักงานไม่ต้องสำรองเงินสด เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล 5.โครงการเช่ารถไฟฟ้าเพื่อใช้งานในสำนักงาน จำนวน 51 คัน 6.โครงการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมาย PDPA

7.โครงการติดตั้งระบบ GPS ติดตามตำแหน่งรถโดยสาร เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้บริการ และผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป 8.โครงการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ในรถโดยสาร 9.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ BMTA MIS บริหารจัดการเดินรถ ขสมก. (Web Application และ Mobile Application)

10.โครงการประกันเวลาการเดินทางโดยรถโดยสาร ขสมก. (Just In Time) 11.การยกเลิกสัญญาเหมาซ่อมรถโดยสาร ยี่ห้อ BLK พร้อมหาบริษัทเหมาซ่อมบำรุงรถโดยสารรายใหม่ ที่มีประสิทธิภาพเข้ามาทดแทน และ 12.โครงการจัดการข้อมูลบุคคลและสวัสดิการพนักงาน

โดยนอกเหนือจาก 12 โครงการดังกล่าวแล้ว กระทรวงคมนาคมและ ขสมก.ยังได้ร่วมมือกันในอีกหลายโครงการ เพื่อมุ่งหวังพัฒนาหน่วยงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งต้องการยกระดับคุณภาพการให้บริการรถโดยสารของ ขสมก.นำไปสู่การสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ และพนักงาน ขสมก.ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “ราชรถยิ้ม”

ปรับประสิทธิภาพ 4 เพิ่ม 4 ลด

สำหรับแนวทางการสร้างการเติบโตของรายได้ของ ขสมก.นั้น ดำเนินการภายใต้แนวนโยบาย “4 เพิ่ม 4 ลด”

เริ่มจาก “4 เพิ่ม” ได้แก่ 1.เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเดินรถและปรับปรุงเส้นทาง 2.เพิ่มคุณภาพการให้บริการจากการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย 3.เพิ่มรายได้ค่าโดยสารจากการปรับเปลี่ยนการจัดเก็บค่าโดยสาร และ 4.เพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์จากทรัพย์สินที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ส่วนแนวนโยบาย “4 ลด” ประกอบด้วย 1.ลดค่าใช้จ่ายของการเดินรถ 2.ลดค่าใช้จ่ายของสำนักงาน 3.ลดค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง และ 4.ลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง เพื่อเสริมสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนของหน่วยงาน ขสมก.ต่อไป