หุ้นกู้ครบดีล 4.4 แสนล้าน ยักษ์ใหญ่จ่อระดมทุน ไฮยีลด์ขายยาก วุ่นหาแผนสำรอง

หุ้นกู้

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คงประมาณการยอดออกหุ้นกู้ใหม่ปีนี้ระดับ 900,000-1,000,000 ล้านบาท ครึ่งปีหลังจ่อครบไถ่ถอน 442,910 ล้าน บริษัทใหญ่ “SCC-PTT-GULF-BANPU” จ่อระดมทุน สั่งจับตาไฮยีลด์บอนด์หลังครึ่งปีแรกขายยาก ออกใหม่น้อยกว่าครบกำหนดทุกเรตติ้ง วุ่นหากแผนสำรองทั้ง “เพิ่มทุน-ขอวงเงินจากธนาคาร-ขายทรัพย์สิน” กลายเป็นต้องออกหุ้นกู้แบบมีประกันมากขึ้น

วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ในปี 2567 ยังคงประมาณการยอดการออกหุ้นกู้ใหม่ของภาคเอกชน อยู่ที่ระดับ 900,000-1,000,000 ล้านบาท

โดยครึ่งหลังของปีนี้จะหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 442,910 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567 มีจำนวน 231,803 ล้านบาท แยกเป็นหุ้นกู้ระดับลงทุน (Investment Grade) หรือหุ้นกู้ที่มีเรตติ้งตั้งแต่ BBB- ขึ้นไป มูลค่า 203,098 ล้านบาท และหุ้นกู้เสี่ยงสูง (High Yield) หรือหุ้นกู้ที่มีเรตติ้งต่ำกว่า BBB- ลงมา และหุ้นกู้ไม่จัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Non-rated) อีกมูลค่า 28,704 ล้านบาท และในไตรมาส 4/2567 มีจำนวน 221,106 ล้านบาท แยกเป็นหุ้นกู้ Investment Grade มูลค่า 190,077 ล้านบาท และหุ้นกู้ High Yield อีกมูลค่า 21,029 ล้านบาท

ส่วนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีมูลค่าการออกหุ้นกู้ใหม่ 494,371 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 19.28% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) โดยสัดส่วน 95% เป็นหุ้นกู้ Investment Grade มูลค่า 467,727 ล้านบาท และที่เหลือ 5% เป็นหุ้นกู้ High Yield อีกมูลค่า 26,643 ล้านบาท

“เป้าหมายที่เราวางไว้ยังมีความเป็นไปได้ เพราะยังเห็นบริษัทใหญ่ ๆ ในช่วงครึ่งหลังอีกพอสมควรที่จะครบกำหนดไถ่ถอน อาทิ SCC มูลค่า 25,000 ล้านบาท, PTT มูลค่า 15,000 ล้านบาท, GULF มูลค่ 12,000 ล้านบาท, BANPU มูลค่า 6,000 ล้านบาท, EA มูลค่า 5,500 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ถ้าได้ปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยทที่ลดลงก็อาจจะทะลุเป้าได้” นางสาวอริยากล่าว

Advertisment

ทั้งนี้สำหรับสถานการณ์การออกหุ้นกู้ใหม่ 6 เดือนแรกปีนี้ ลดลง 19.28% YOY ต้องถือว่าลดลงเกือบทุกเรตติ้ง ยกเว้น AA ที่ขยับเพิ่มขึ้น เนื่องจากปีนี้ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ (ThaiBev) มีการออกหุ้นกู้มากกว่าปีที่แล้ว อย่างไรก็ดีหุ้นกู้ Investment Grade ยังออกใหม่ใกล้เคียงกับมูลค่าครบกำหนดไถ่ถอน

ประกอบด้วย 1. เรตติ้ง AAA มีมูลค่าครบกำหนด 44,822 ล้านบาท ออกใหม่ 48,900 ล้านบาท 2. เรตติ้ง AA มีมูลค่าครบกำหนด 62,373 ล้านบาท ออกใหม่ 111,060 ล้านบาท 3. เรตติ้ง A มีมูลค่าครบกำหนด 243,497 ล้านบาท ออกใหม่ 242,622 ล้านบาท 4. เรตติ้ง BBB มีมูลค่าครบกำหนด 47,949 ล้านบาท ออกใหม่ 65,147 ล้านบาท

แต่หุ้นกู้ High Yield มูลค่าการออกใหม่น้อยกว่ามูลค่าครบกำหนดไถ่ถอนในทุกเรตติ้ง ประกอบด้วย 1. เรตติ้ง BB มีมูลค่าครบกำหนด 13,195 ล้านบาท ออกใหม่ 8,602 ล้านบาท 2. เรตติ้ง B มีมูลค่าครบกำหนด 5,630 ล้านบาท ออกใหม่ 825 ล้านบาท 3. เรตติ้ง Non-rated มีมูลค่าครบกำหนด 22,414 ล้านบาท ออกใหม่ 17,220 ล้านบาท

ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้ High Yield ต้องไปหาแผนสำรองอื่นเพิ่ม โดยที่ผ่านมาจะเห็นหลายบริษัทมีการทำหนังสือชี้แจงว่าขอชะลอการออกหุ้นกู้เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ดี แต่ได้จัดหาแผนสำรองอื่นแล้ว อาทิ เพิ่มทุน, ขอวงเงินจากธนาคาร, ขายทรัพย์สิน เป็นต้น จึงมีทางออกหลากหลายที่แต่ละบริษัทไปเตรียมกันเอาไว้

Advertisment

นอกจากนี้ลักษณะการออกหุ้นกู้ High Yield มีสัดส่วนที่เป็นหุ้นกู้มีประกันที่สูงขึ้น (หลักทรัพย์สวนใหญ่เป็นที่ดินและอสังหาริมทรัพย์) โดยปีนี้มีสัดส่วนประมาณ 81% ของมูลค่าการออกหุ้นกู้ High Yield ทั้งหมด เพื่อลดความกังวลใจของนักลงทุน จากปีที่ผ่านมา ๆ เฉลี่ยไม่ถึง 50%

สำหรับต้นทุนการกู้ยืมรุ่นอายุ 5 ปี ในครึ่งปีแรกของหุ้นกู้กลุ่ม AAA, AA และ A ค่อนข้างทรงตัวในทิศทางเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล แต่หุ้นกู้กลุ่ม BBB+ และ BBB มีอัตราผลตอบแทนที่ปรับตัวสูงขึ้นราว 24-32 bps จากสิ้นปี 2566 สะท้อนถึงส่วนชดเชยความเสี่ยง (Credit Spread) ที่สูงขึ้นจากการที่ผู้ลงทุนมีความระดมัดระวังการลงทุนหุ้นกู้กลุ่มดังกล่าวมากขึ้น โดยสิ้นไตรมาส 2/2567 หุ้นกู้ AAA, AA, A, BBB+ และ BBB มีอัตราผลตอบแทน 31.5%, 3.26%, 3.55%, 4.76% และ 5.73% ตามลำดับ