Uptick เห็นผล ฉุด Short Sell ลงกว่า 79% ต่างชาติพลิกซื้อ 338 ล้านบาท

หุ้น-short sell

บล.เอเซีย พลัส ชี้ การบังคับใช้ Uptick Rule คุม Short Sell เห็นผล พบมูลค่าธุรกรรมปรับลด 79% ลงมาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิ 338 ล้านบาท หลังขายติดต่อกัน 27 วันทำการ

วันที่ 2 กรกฏาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานผ่านบทวิเคราะห์ ว่า การบังคับใช้ Uptick Rule เพื่อควบคุมเรื่อง Short Sell วานนี้ (1 ก.ค.) วันแรก พบว่าส่งผลทำให้มูลค่าธุรกรรม Short Sell ปรับลดลงจาก ค่าเฉลี่ย 5.5 พันล้านบาท/วัน ลงมาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท หรือลดลง 79% ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย

โดยประเมินว่าการลดลงของธุรกรรม Short Sell น่าจะมีส่วนทำให้แรงกดดันต่อราคาหุ้นลดระดับลง แต่ในขณะเดียวกันที่ทำให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดฯ ลดลงไปด้วย ซึ่งจากนี้ ต้องหวังพึ่งการกลับมาของนักลงทุนในประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งผ่านกลไกของ TESG เกณฑ์ใหม่ และวายุภักษ์ที่จะเริ่มเห็นในไตรมาส 3/67

สำหรับปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานยังให้ความสำคัญกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยยังเชื่อว่า FED น่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.67 ขณะที่บ้านเราคงไว้ที่เดิม ภาวะดังกล่าวน่าจะช่วยลดการไหลออกของเงินได้ระดับหนึ่ง

ทั้งนี้ในปี 2566 และ 2567 จากช่วงต้นปีต่างชาติมีสัดส่วนซื้อขายหุ้นไทยสูงเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าซื้อขายรวมที่ 52.3% และ 54.0% ตามลำดับ และนักลงทุนไทยเหลือสัดส่วนไม่ถึงครึ่ง 47.7% และ 46.0% ตามลำดับ

Advertisment

อย่างไรก็ตามในมุมมองของฝ่ายวิจัยฯ จุดเริ่มต้นเปลี่ยนเกมอาจเกิดขึ้นในวานนี้ หลังตลาดฯ ประกาศใช้กฎ Uptick Rule เป็นวันแรก ผลลัพธ์ถือว่าทำงานได้ดี และน่าจะ เป็นจุดเริ่มต้น ค่อย ๆ ยึดกระดานตลาดหุ้นไทยคืนจากต่างชาติได้ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้

  • ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิเล็กน้อยในตลาดหุ้นไทย 338 ล้านบาท (หลังจากขายสุทธิติดต่อกันยาวนานถึง 27 วันทำการ กว่า 5.16 หมื่นล้านบาท)
  • ต่างชาติสลับมา LONG สุทธิ SET50 FUTURES 1,984 สัญญา (หลังจากขายสุทธิติดต่อกัน 3 วัน)
  • สัดส่วนการ Short Sell เหลือเพียง 3.7% ของมูลค่าซื้อขาย และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปีนี้ (YTD) ที่ 12.9%
  • มูลค่าธุรกรรม Short Sell ลดลงเหลือ 1.2 พันล้านบาท ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย Short Sell ในปีนี้ (YTD) ที่ 5.5 พันล้านบาทต่อวัน หรือลดลงกว่า 79% และเป็น % ที่ลดลงเท่ากับช่วงที่ใช้มาตรการ Uptick ตอนเกิด COVID-19 พอดี

ปริมาณการ Short Sell ผ่าน NVDR เหลือเพียง 392 ล้านบาท น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 1 เดือนกว่า ๆ ที่ 3.1 พันล้านบาทต่อวัน หรือลดลงกว่า 87%

ทั้ง 5 ส่วนที่กล่าวมา แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ต่างชาติชะลอการ Short Sell ปกติ และ Short ผ่าน NVDR รวมถึงขายสุทธิน้อยลง ที่สำคัญคือ เริ่มเห็นสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนไทยในวันที่ 1 ก.ค. 67 ที่กลับมาเกินครึ่งหนึ่ง หรืออยู่ที่ 55.3% มาจากนักลงทุนรายย่อยถึง 37.7% และกองทุน 8.7% ซึ่งคาดว่าสัดส่วนการซื้อขายของกองทุนจะค่อย ๆ เร่งตัวขึ้นหลังมีกองทุน THAIESG เข้ามา น่าจะหนุนให้สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 11% – 13% เหมือนช่วงที่มีกองทุน LTF ในปี 2560 – 2563 ได้

Advertisment

ทั้งนี้ หุ้นที่ถูก Short Sell เยอะในช่วงที่ตลาดเริ่มผันผวนจากประเด็นการเมืองจนถึงปัจจุบัน (21 พ.ค.-28 มิ.ย. 67) ทำให้หุ้นหลายตัวมียอด Short คงค้าง ลดลงอย่างมีนัยฯ จึงเป็นโอกาสทยอยสะสมสำหรับหุ้นพื้นฐานดีในหุ้นกลุ่มนี้ รวมถึง หุ้นลงมาลึกหวังรีบาวนด์ ระยะถัดไป อาทิ EA, AOT, GULF, SCC, CPAXT, IVL, CPALL, CPN, GPSC, PTTGC เป็นต้น