พิชัย มอบ ธอส. ขยายเวลาผ่อนบ้านเป็น 85 ปี ช่วยคนมีรายได้น้อย

พิชัย มอบ ธอส. ขยายเวลาผ่อนบ้านเป็น 85 ปี เผยบางประเทศให้ผ่อนถึง 100 ปี พร้อมให้ปล่อยสินเชื่อเจาะที่อยู่อาศัย 5-10 ล้านบาท กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์

วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ว่า

ขณะนี้เศรษฐกิจไทยเกิดปัญหาประชาชนมีรายน้อยมาหลายปี ประกอบกับรายจ่ายคงที่ ต้องผ่อนค่าบ้านและค่ารถ การแก้ปัญหาระยะสั้น ต้องแก้ไขภายใน 1-2 ปีนี้ คือต้องให้หนี้เท่าเดิมและภาระการผ่อนชำระน้อยลง โดยให้มีการผ่อนชำระได้ยาวนานขึ้น การกู้บ้านที่อยู่อาศัยควรให้กู้ได้เรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด เช่นในต่างประเทศทำกัน

ทั้งนี้ ได้มอบแนวทางให้ ธอส.จะดูคุณสมบัติลูกหนี้ที่เข้าข่าย โดยยืดระยะเวลาผ่อนชำระออกไปอีก 10 ปี จากบุคคลทั่วไป ปกติได้ถึง 70 ปี เปลี่ยนเป็น 80 ปี ส่วนลูกค้าผู้กู้รับราชการผ่อนได้ถึง 85 ปี เป็นมาตรการระยะสั้น ลดหนี้ทั้งระยะเวลาและเงื่อนไขการจ่าย ให้ยึดหยุ่นขึ้นและสามารถให้ผู้กู้สามารถพักอาศัยอยู่ได้ต่อไป เมื่อภาระหนี้ลด จะส่งผลให้เงินในกระเป๋าประชาชนเพิ่มขึ้น

โดยเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) ได้เปิดงานมหกรรมแก้ไขหนี้และไกล่เกลี่ยภาคครัวเรือน โดย ธอส.ร่วมกับสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และกลุ่ม NPL ที่ได้รับกระทบจากรายได้ต่ำ ซึ่งจะทำให้คนไทยรักษาบ้านไว้เป็นของตัวเอง ล่าสุดมีผู้มาสมัครแล้ว 40,000 ราย

Advertisment

“การขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้ เป็นการช่วยเหลือคนไทย ที่มีรายได้น้อย แต่ต้องการรักษาบ้านไว้ ผ่อนนาน 80 ปี ยังน้อยกว่าหลายประเทศ เพราะมีบางประเทศมีให้ผ่อนนาน 100 ปี” นายพิชัยกล่าว

นายพิชัยกล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการระยะยาว ได้ให้ ธอส.ขยายวงเงินการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 5-10 ล้านบาทขึ้นไป ด้วยการจากเดิมที่ ธอส.เน้นปล่อยลูกหนี้รายย่อย วงเงินกู้ไม่ถึง 3 ล้านบาท

ปัจจุบันมีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบคิดเป็น 30% ของผลิตภัณณ์มวลรวมในประเทศ (GDP)​ หาก ธอส.ขยายวงเงินปล่อยสินเชื่อ จะทำให้พอร์ตการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มเป็น 50% ของจีดีพี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์

ด้าน นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ได้เปิด มหกรรมแก้ไขหนี้และไกล่เกลี่ยภาคครัวเรือน โดยมีสาระสำคัญเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) และลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ เข้าเจรจาขอประนอมหนี้กับเจ้าหน้าที่ ธอส. ครบจบในวันเดียว แบบ One Stop Service ลดขั้นตอนกระบวนการทางศาล ทำให้ลูกค้าสามารถรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป จึงเชิญชวนลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ติดต่อลงทะเบียนปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนี้จะช่วยลดเงินงวดผ่อนชำระหนี้ให้เหมาะสมกับฐานรายได้

Advertisment

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ ธอส.กระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งปีหลัง ปล่อยสินเชื่อไม่น้อยกว่า 170,000 ล้านบาท ครอบคลุมลูกค้าผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ไปจนถึงกลุ่มที่มีรายได้สูงระดับวงเงินบ้าน 3 ล้านบาท, 7 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท

โดย ธอส.จะออกโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อสนับสนุนให้บ้านในกลุ่มดังกล่าวสามารถขายได้ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย

สำหรับการปล่อยสินเชื่อผ่อนใหม่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณปี 2567 มีการอนุมัติสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ 90,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีการทำนิติกรรมแล้วประมาณ 83,000 ล้านบาท ซึ่งครึ่งหลังของปีนี้จะต้องดำเนินการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ได้มากกว่าสองเท่าอยู่ที่ประมาณ 170,000 ล้านบาท