คลังหนุนต่ออายุกองทุน SSF FETCO เชิญ “พิชัย” ลุยโรดโชว์ปลุกเชื่อมั่น

คลังหนุนต่ออายุกองทุน SSF FETCO เชิญ “พิชัย” ลุยโรดโชว์ปลุกเชื่อมั่น

ตลาดทุนตบเท้าพบ “พิชัย” ถกสร้างความเชื่อมั่น คลังหนุนต่ออายุกองทุน SSF ต่อยอดสร้างฐานนักลงทุน “คนรุ่นใหม่-อาชีพอิสระ” ขณะเดียวกันเตรียมเดินหน้าโปรโมตขายกองทุน TESG เต็มที่ หวังดึงเม็ดเงิน 3 หมื่นล้าน-เพิ่มนักลงทุน 3 แสนราย พร้อมเชิญขุนคลังเดินสายโรดโชว์ปลุกความเชื่อมั่นนักลงทุน

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ภาคตลาดทุนได้เข้าพบ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการหารือร่วมกันหลายเรื่อง อย่างเรื่องการต่ออายุกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ที่จะหมดอายุในสิ้นปี 2567 นี้ ทางกระทรวงการคลังเห็นด้วย โดยมองว่าเป็นฐานนักลงทุนอีกกลุ่ม ที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่มากขึ้น

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล

“กองทุน SSF เป็นกองที่อยู่ในวงเงิน 500,000 บาทเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลง การที่ทำมา เราเห็นนักลงทุนที่กระจายฐานมากขึ้น ทั้งกลุ่มนักลงทุนกลุ่มใหม่ เด็กรุ่นใหม่ ที่อยากลงทุนต่างประเทศ เป็นมิติใหม่ เป็นการเรียนรู้การลงทุน เพื่อที่จะรองรับวัยเกษียณได้ดี”

ขณะที่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ซึ่งทางกระทรวงการคลังมีการแถลงรายละเอียดไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก็เป็นข้อเสนอที่ดี ที่จะช่วยตลาดทุน ทำให้เกิดความเชื่อมั่น และมีกำลังซื้อที่มากขึ้น โดยตามเงื่อนไขใหม่ จะเป็นกองทุนที่ไม่แตกต่างไปจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เดิม ที่มีเงื่อนไขคล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ดี จะมีการพูดคุยกันเพิ่มเติม เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น ESG เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ และเป็นการกดดันให้บริษัทต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG มากขึ้น

“หัวใจคือนักลงทุนมีเงินส่วนตัวเยอะ ส่วนใหญ่จะนำไปฝากธนาคาร ซึ่งอาจจะได้ผลตอบแทนที่ไม่ได้สูงเท่าการลงทุน หากทำให้นักลงทุนเห็นถึงโอกาสการลงทุนมากขึ้น ก็จะทำให้เม็ดเงินกระจายมาสู่ตลาดทุนมากขึ้น”

Advertisment

ดร.กอบศักดิ์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ได้พูดคุยกับรองนายกฯ และ รมว. คลัง เรื่องการสร้างความเชื่อมั่น โดยการไปร่วมพบปะนักลงทุน เพื่อชี้แจงให้นักลงทุนเข้าใจเรื่องนโยบายและให้เกิดความเชื่อมั่นในสิ่งต่าง ๆ รวมถึงการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้การลงทุนในตลาดทุนง่ายมากขึ้น และแข็งแรงมากขึ้น

“จะพยายามขับเคลื่อนร่วมกันในทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนตลาดทุน เนื่องจากเป็นการดำเนินนโยบายร่วมกัน เพื่อช่วยพลิกฟื้นตลาดทุนไทยให้มีความคึกคักและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น”

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าพบ รองนายกฯและ รมว.คลัง เพื่อหารือเกี่ยวกับการสนับสนุนภาคการออมประชาชนให้เติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดคือ ในส่วนของกองทุน TESG รายละเอียดไม่ต่างจากที่กระทรวงการคลังได้แถลงไปเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่จะปรับเกณฑ์ใหม่

โดยขยายวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท จากเดิม 1 แสนบาท และลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ จากเดิม 8 ปี อย่างไรก็ตาม ทางตลาดทุนมีข้อเสนอบางประเด็นให้ทางกระทรวงการคลังพิจารณาเพิ่มเติมด้วย

Advertisment

ทั้งนี้ ได้หารือกันถึงประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการโปรโมตกองทุน TESG ทุกช่องทาง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า TESG จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดทุน 30,000 ล้านบาทในปีนี้

“เป้าหมายดังกล่าวจะสามารถเป็นไปได้ ต่อเมื่อมีการโปรโมตทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงต้องได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. และภาคตลาดทุนทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าหากร่วมมือกันในปีนี้จะมีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดทุน 30,000 ล้านบาท ได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังคาดหวังว่า อยากได้ฐานนักลงทุนที่กว้างขึ้น มีการส่งข้อมูลที่มากขึ้น หากได้ฐานนักลงทุน 300,000 คนขึ้นไป ถือว่าประสบความสำเร็จ”

ส่วนเรื่องการฟื้นกองทุนรวมวายุภักษ์นั้น นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุนกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการหารือประเด็นนี้กับทางกระทรวงการคลังในการเข้าพบรอบนี้

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า จากการวิเคราะห์กองทุน SSF ที่ให้วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท แต่เมื่อรวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนอื่น จะหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทนั้น เนื่องจากการออมผ่านกองทุน SSF ต้องถือครอง 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ทำให้คนไม่ค่อยเลือกลงทุนใน SSF แต่จะไปลงทุนใน RMF แทน

สะท้อนให้เห็นว่าระยะเวลาการออมมีผลกระทบ ทำให้เกิดความได้เปรียบระหว่างกองทุนต่าง ๆ อย่างไรก็ดี จะพบว่าคนที่ซื้อ SSF เป็นคนที่อายุน้อย อาชีพอิสระ แปลว่าไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) และมีความผันผวนทางด้านรายได้ ซึ่งหากไปออมระยะยาวผ่าน RMF อาจจะไม่ถูกฝาถูกตัว