บลจ.อเบอร์ดีน มองตลาดเอเชียเด่น แนะเก็บ “หุ้นไทยถูก” คาดปีนี้โต 10%

อเบอร์ดีน

บลจ.อเบอร์ดีนมองตลาดเอเชียสดใส คาดโต 15-17% ชี้หุ้นไทยถูก คาดมีกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโต 10% แนะธีมการลงทุนที่น่าสนใจ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม-ท่องเที่ยว-โรงพยาบาลเห็นการเติบโตที่ดี

วันที่ 28 มิถุนายน 2567 นางสาวพฤกษา เอี่ยมธงทอง Deputy Head of Equities-Asia Pacific, Asian Equities เปิดเผยว่า อเบอร์ดีนมองแนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียในปีนี้น่าสนใจ กำไรจากผลดำเนินงาน (Earnings Growth) ที่คาดว่าจะโตประมาณ 15-17% หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมามีผลการดำเนินการติดลบ

ขณะที่มองว่าราคาหุ้นตอนนี้ถูกกว่าตลาดหุ้นสหรัฐ 35-40% รวมถึงการคาดการณ์เรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคาดว่าจะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชีย ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียจะมีความโดดเด่นและสดใสในปีนี้

สำหรับตลาดหุ้นไทย ปีนี้คาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานเติบโต 10% โดยธีมการลงทุนที่น่าสนใจคือ กลุ่มสื่อสาร บริษัทที่เกี่ยวกับโกลบอลซัพพลายเชน กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มโรงพยาบาลยังเห็นการเติบโตที่ดี ซึ่งให้น้ำหนักลงทุนทั้งหุ้นขนาดใหญ่และเล็ก

อย่างไรก็ตาม มุมมองนักลงทุนต่างชาติมองตลาดหุ้นไทยมีราคาถูก แต่เติบโตน้อยกว่าตลาดอื่นมา 2 ปีแล้ว และมองว่าตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้น่าจะมีโอกาสเติบโตกว่า

Advertisment

“ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นเอเชียมีแรงหนุนจากการเติบโตของกำไรบริษัท และภาคการบริโภคก็เป็นปัจจัยผลักดันในระยะยาว ซึ่งปีนี้คาดกำไรบริษัทในตลาดหุ้นจีนจะเติบโต 12-15% ส่วนตลาดอินเดีย ยังมีมุมมองบวก แม้ว่าราคาหุ้นปรับตัวสูงแล้ว และมีปัจจัยด้านการเมืองกดดัน แต่คาดว่ากำไรยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะที่ไต้หวันและเกาหลีใต้เติบโตแข็งแกร่ง จากการที่มีซัพพลายเชน AI เทคโนโลยี และคาดว่าครึ่งปีหลังบริษัทนอกกลุ่ม AI จะกลับมา หลังจากซบเซามา 2 ปี” นางสาวพฤกษากล่าว

โดยกองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (ABAPAC-กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 6) ลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศที่ชื่อว่า abrdn Pacific Equity Fund SGD class ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย-แปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น ปัจจุบันมีน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนน้อยกว่าดัชนี MSCI AC Asia-Pacific ex Japan ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิง (Benchmark)

แม้ราคาหุ้นจีนถูก แต่ยังคงต้องจับตามองในด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากการประชุมใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเดือน ก.ค. มีสัญญาณที่ดี อาจมีการเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นจีนมากขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมาได้ปรับพอร์ตลงทุนเน้นหุ้นรายตัวที่ได้รับผลบวกจากการบริโภคและมีความสามารถในการสร้างกำไร รวมถึงมีปัจจัยพื้นฐานดี

ปัจจุบันกองทุน ABAPAC กระจายลงทุนในตลาดหุ้นจีน 20.07% ตลาดหุ้นอินเดีย 20.19% ตลาดหุ้นออสเตรเลีย 11.70% ตลาดหุ้นไต้หวัน 14.07% และเกาหลีใต้ประมาณ 9.01% ที่เหลือกระจายลงทุนในตลาดอื่นๆ (ที่มา : abrdn, 31 พฤษภาคม 2567) โดยมีให้เลือก 3 ชนิดหน่วยลงทุน ได้แก่ ชนิดสะสมมูลค่า (ABAPAC) ชนิดเพื่อการออม (ABAPAC-SSF) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABAPAC-RMF)

Advertisment