หุ้นไทยวันนี้แกว่ง 1,300-1,320 จุด ลุ้นตัวเลข PCE สหรัฐ ชี้ทิศทางดอกเบี้ยเฟด

stock market

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,300-1,320 จุด ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากำหนดทิศทาง และนักลงทุนในตลาดรอดูตัวเลข PCE ของสหรัฐประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟดรวมถึงประเมินการเมืองสหรัฐ จากการโต้วาทีของผู้ท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐเช้านี้

วันที่ 28 มิถุนายน 2567 บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด รายงานว่า ประเมิน SET วันนี้ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามากำหนดทิศทาง และนักลงทุนในตลาดรอดูตัวเลข PCE ของสหรัฐ คืนนี้ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟด รวมถึงประเมินสถานการณ์ด้านการเมืองของสหรัฐ จากการโต้วาทีของผู้ท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐเช้านี้ ทำให้คาด SET แกว่งในกรอบระหว่าง 1,300-1,320 จุด

ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในภาวะผันผวนและเปราะบางเช่นเดิม เนื่องจากปัจจัยการเมืองในประเทศยังยืดเยื้อทำให้ SET ยังมีโอกาส Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค อย่างไรก็ดีมีความคาดหวังว่าปัจจัยเชิงเศรษฐกิจ เช่น ดัชนีอุตสาหกรรมและรายงานประชุม กนง. อาจจะส่งสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการผลิตได้ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยบวกจากการประกาศนโยบายสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน ทั้งการปรับเพิ่มวงเงินกองทุน T-ESG และมาตรการ Uptick ที่จะเริ่มใช้วันที่ 1 ก.ค.

ส่วนปัจจัยต่างประเทศในสัปดาห์นี้คาดยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยเน้นติดตามดัชนี PCE พ.ค. ของสหรัฐคาดทรงตัว MOM และปรับขึ้น 2.6% YOY (ชะลอตัวจาก 2.7% YOY ในเดือน เม.ย.) ซึ่งไม่น่ากดดันตลาดมากนัก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม

1.สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วลดลงต่ำกว่าตลาดคาด และ GDP 1Q67 ขยายตัว 1.4% สูงกว่าประมาณการครั้งที่ 2 ที่ 1.3% แต่ต่ำกว่าประมาณการครั้งที่ 1 ที่ 1.6%

Advertisment

2.จีนระบุกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรม พ.ค. เพิ่มขึ้น 0.7% YOY ชะลอลงจาก เม.ย. ที่ปรับขึ้น 4% YOY สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอลง ส่งผลกระทบต่อการเติบโตโดยรวม

3.กบง.มีมติให้คงราคาขายส่ง LPG หน้าโรงกลั่นที่ 20.9179 บาก/กก.ไม่รวม VAT กรอบเป้าหมายราคาขายปลีกที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กก.ตามเดิม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.นี้

4.กระทรวงการคลังเตรียมหารือธนาคารของรัฐ ออกมาตรการแก้หนี้รายกลุ่ม ออกซอฟต์โลน 1 แสนล้านบาท หนุนดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ ขณะที่ระยะยาวภาครัฐต้องลงทุนเพิ่ม ไม่กังวลขยายเพดานหนี้สาธารณะหากเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เพิ่มเติม

โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการหารือกับ ธปท. ทบทวนกรอบเงินเฟ้อปัจจุบันว่ามีความเหมาะสมหรือไม่นั้น เบื้องต้นมี 2 ทางเลือก คือ 1.ใช้กรอบเงินเฟ้อในรูปแบบเดิมที่ 1-3% และ 2.ใช้ค่ากลางเหมือนในบางประเทศ

Advertisment

5.FETCO คาด เศรษฐกิจ 2H67 ฟื้นตัว จากการเร่งใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ รวมถึงนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและการขยายตัวของการส่งออก รวมทั้งดอกเบี้ยที่ลดลง หนุนให้ GDP ปีนี้ขยายตัว 3% ส่วนปีหน้าคาดขยายตัวสูงกว่า 3%

กลยุทธ์การลงทุน

ตลาดหุ้นไทย ยังผันผวนและเปราะบาง จากกังวลความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยต่างประเทศในสัปดาห์นี้คาดยังไร้ปัจจัยใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้

1.หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก KCE SCGP TU MINT

2.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์ Cover Short หลัง ตลท. เริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 เลือก HANA TOP BEM KCE MINT OSP BBL SCGP AOT

3.หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2024) ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 67 เลือก ADVANC TRUE CPALL MINT TU

4.สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Bent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

หุ้นแนะนำวันนี้

BDMS 2Q67 คาดกำไรปกติโต YOY แต่จะลดลง QOQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรปกติโต 13% YOY สู่ 1.6 พัน ลบ. โดยการดำเนินงานและกำไรจะแข็งแกร่งขึ้นใน 2H67 ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 27 เท่า ต่ำกว่าระดับ -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดภูมิภาคที่ 28 เท่า

PTTEP มองราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นยังเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น และยังเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลยังแข็งแกร่ง โดย 2Q67 คาดกำไรจะดีขึ้นต่อเนื่องจากราคาน้ำมันและปริมาณการขายที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์