คลังเร่งพิจารณาตั้งกองทุน “วายุภักษ์ 3” หวังเติมสภาพคล่องตลาดหุ้นไทย

จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

จุลพันธ์ รมช.คลัง แจงเร่งเดินเครื่องพิจารณาศึกษาตั้งกองทุนวายุภักษ์ 3 หวังเติมสภาพคล่องตลาดหุ้นไทย ชี้เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

วันที่ 26 มิถุนายน 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในระหว่างที่ยังรอมาตรการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ออกมาในช่วงปลายปีนี้ ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถชี้แจงได้

หากยังไม่เข้าสู่ชั้นการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในมิติอื่น ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนโครงการคนละครึ่งนั้น รัฐบาลยังไม่ได้มีการพูดคุยหารือ หรือไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้มีการออกมาตรการกระตุ้นตลาดทุนไปแล้ว โดยเฉพาะการปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลา 4-5 เดือนของปีนี้ จะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาราว 3 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันประเมินว่ารัฐจะสูญเสียรายได้จากภาษีไปราว 1.3 หมื่นล้านบาท จากการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีครบทุกระดับอายุของฐานที่เสียภาษีนั้น

มองว่า มาตรการนี้ถือว่าคุ้มค่า เพราะอยากให้มองใน 2 ส่วน ไม่ใช่แค่เม็ดเงินลงทุนที่จะเข้ามาเมื่อเทียบกับรายได้ภาษีที่จะเสียไปเท่านั้น แต่จากการศึกษาของกรมสรรพากร และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

Advertisment

เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดทุนไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน และอีกส่วนคือ ผลกระทบของมาตรการในเชิงมูลค่า โดยกระทรวงการคลังเชื่อว่ามาตรการนี้จะช่วยดันให้มาร์เก็ตแคปของตลาดขยายตัวขึ้นได้อย่างมาก ถือเป็นผลกระทบในเชิงบวก ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดทุนอย่างมาก

“เราเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ส่วนตัวเลข 3 หมื่นล้านบาทที่พูดไปก่อนหน้านั้น อาจจะเป็นการประมาณการในระดับต่ำ ซึ่งมาตรการไม่ได้มีผลแค่ในเชิงเม็ดเงินลงทุน แต่ในเชิงมูลค่าก็ถือว่ามีผลบวกมาก ๆ ดังนั้นจึงไม่อยากให้พิจารณาแค่ตัวเม็ดเงินที่ไหลเข้าไป แต่อยากให้ดูในเชิงมูลค่าที่เกิดจากมาตรการควบคู่กันไปด้วย” นายจุลพันธ์กล่าว

ส่วนแนวคิดที่จะฟื้นกองทุนรวมวายุภักษ์นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือในเบื้องต้น โดยกลไกในการทํายังมีเรื่องของข้อกฎหมายและก็ขั้นตอนที่มีความจําเป็น ซึ่งจะดูให้เร็วที่สุด สำหรับหลักคิดคือรัฐบาลต้องการที่จะมีเงินเติมเข้าไปในระบบตลาดทุนเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการหมุนเวียน โดยตัวรูปแบบกองทุนที่เคยประสบความสําเร็จคือกองทุนวายุภักษ์

“รัฐบาลอาจจะมีการพิจารณาในการที่จะตั้งอีกซักกองทุน หากถามว่าทําแล้วมันจะเป็นอย่างไร กองทุนจะเป็นกองที่แยกต่างหาก ไม่ได้เป็นกองเดียวกัน แต่รูปแบบการจัดตั้ง สัดส่วนจะเป็นอย่างไร ก็ต้องมารอดูกัน ซึ่งกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 และ 2 มีเม็ดเงินอยู่แล้วราว 3.5 แสนล้านบาท รัฐบาลเปิดพอร์ตลงทุน 3.5 แสนล้าน ประชาชนสามารถเข้ามาซื้อกองทุนได้ 1.5 แสนล้าน

Advertisment

โดยที่ประชาชนจะได้คือประกันกําไรขั้นต่ำและประกันกําไรขั้นสูง ในขณะที่กองของรัฐเนี่ยก็แน่นอนว่าในกรณีที่กําไรไม่ถึงก็ต้องรับกำไรในสัดส่วนที่ต่ำกว่า อันนี้ก็เป็นกลไกที่เคยทํา ถามว่าประสบความสําเร็จมั้ยครั้งที่แล้ว ประสบความสําเร็จมาก จะทําอีกครั้งเป็นไปได้มั้ยก็กําลังพิจารณาอยู่” รมช.คลังกล่าว