ซีอีโอ “จิตตะ” ยก AI เจ๋ง ปฏิวัติโลกลงทุน ปั้นยีลด์เหนือมนุษย์

Trawut

“จริง ๆ โลกของการลงทุน สิ่งที่ทำให้การลงทุนมันผิดพลาดที่สุด ก็คือ คนนี่แหละ เพราะฉะนั้น ถ้าเราตัดคนออกจากสมการการซื้อขายได้ แล้วใช้คอมพิวเตอร์ที่มันเป็นเหตุและผลล้วน สุดท้ายน่าจะทำเงินได้ดี” ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จิตตะ ดอท คอม จำกัด กล่าวในงานสัมมนาประชาชาติธุรกิจ “THE POWER OF AI เกมใหม่ โลกเปลี่ยน” ในหัวข้อบรรยายพิเศษ “AI ปฏิวัติโลกการลงทุน”

“จิตตะเวลธ์” AI Fund 100%

ซีอีโอ “จิตตะ” บอกว่า โลกของการลงทุนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ในหลายอย่าง และใช้ทำเงินได้มหาศาล ซึ่งตนได้อยู่ในแวดวงการลงทุน และเริ่มสร้าง AI ตัวแรกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดยมองว่าจะนำมาช่วยการลงทุนให้ง่ายขึ้น จนได้ใช้ AI ที่ตนเองสร้างขึ้นมาบริหารเงิน ผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะเวลธ์ สามารถบริหารเงินได้ค่อนข้างมาก

“ในปีที่ผ่านมา มีการเทรดประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ในทรัพย์สินที่หลากหลายทั่วโลก ขณะที่ปัจจุบัน บลจ.จิตตะเวลธ์ เป็น AI Fund แบบ 100% เพียงเจ้าเดียวของเมืองไทย ซึ่งภาพที่มอง AI กับการลงทุน เราอาจจะไม่คุ้นเคยมาก แต่จริง ๆ แล้ว โลกของการลงทุนเป็นเรื่องที่นำมาใช้กับเทคโนโลยีได้ง่ายมาก แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ เพราะมันใช้ทำเงินได้มหาศาลกว่าที่คิด จึงไม่มีใครมานั่งบอกสูตรต่าง ๆ”

ใช้ AI ลงทุนปราศจาก “อคติ”

“ตราวุทธิ์” กล่าวอีกว่า ปัจจุบันจะเห็นว่ามีดาต้า (ข้อมูล) เยอะมากบนโลก แต่หน้าที่ของ AI Fund คือการนำดาต้ามาวิเคราะห์ให้ละเอียดที่สุด เพราะเรื่องของการลงทุนมีสิ่งที่ค่อนข้างซับซ้อนมากกว่าเพียงการวิเคราะห์ดาต้า นอกจากนี้ การลงทุนด้วย AI ยังเป็นลงทุนแบบ “Zero Bias” ปราศจากอคติ

หากวัดจากสถิติ อาชีพที่เครียดสุด คือ ผู้จัดการกองทุน เนื่องจากเป็นคนจัดการทรัพย์สินให้นักลงทุนทั้งหมด และไม่มีโอกาสให้แก้ตัว แม้บางครั้งผู้จัดการกองทุนจะทำสิ่งที่ถูกต้อง อาทิ ซื้อหุ้นได้ถูกต้อง ในเวลาที่ถูกต้อง แต่ไม่สามารถบังคับตลาดได้

Advertisment

“เกมการลงทุนยากกว่า หมากรุก หมากล้อม ที่มีกฎกติกาชัดเจน มี Pattern ชัดเจน แต่การลงทุน เรียกว่าเป็น Infinix Game คือคิดว่ารู้ทุกอย่างแล้ว แต่ไม่มีทางที่จะรู้ Fact (ข้อเท็จจริง) ในอนาคต ที่อาจจะเข้ามากระทบ ดังนั้นคนจะเกิดความเครียด พอนานไปก็จะเกิด Bias”

ตลาดหุ้นสหรัฐใช้ AI เทรด 70%

ทั้งนี้ AI ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง หากดูจากสถิติ ที่นำ AI มาใช้ในการลงทุน ตลาดสหรัฐถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ปัจจุบันมีการใช้ AI เข้ามาช่วยซื้อขายประมาณ 70% ขณะที่ประเทศไทยไม่ได้มีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์มากนัก

“การเทรดในปัจจุบัน เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนที่มาซื้อขายสู้กับเราในกระดานเทรด คือ คนหรือ AI ซึ่งจากการวิจัยบอกว่า ถ้าสมมุติว่า เราบอกคนและ AI ซื้อหุ้น 10 ตัวพร้อมกัน สุดท้ายผ่านไป 10 ปีผลตอบแทนจะต่างกันประมาณ 20% เนื่องจากคนมี Zero Bias มีอารมณ์ความรู้สึกในการเลือกการลงทุน”

การใช้ AI ลงทุนมี 3 ระดับ

“ตราวุทธิ์” กล่าวอีกว่า รูปแบบการใช้ AI ในการลงทุน สามารถแบ่งได้ 3 เลเยอร์ (Layer) ได้แก่ 1.High Frequency Trading หรือ HFT คือ ระบบการส่งคำสั่งซื้อขายที่มีความถี่สูง ทำการซื้อขายหุ้นอัตโนมัติ ในระยะเวลาที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้เอง เป็นการหาจุดต่างระหว่าง Pattern ของราคา เป็นการเก็บดาต้ารอบโลกในทุกทรัพย์สิน และนำกลับมาวิเคราะห์โอกาสที่แทบจะไม่ขาดทุน โดยส่วนใหญ่ กลุ่มคนทั่วไปเข้าถึงยาก เนื่องจากเป็นการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูง จึงเป็นกลุ่มที่ต้องสามารถรับความเสี่ยงได้ เช่น Renaissance, Citadel เป็นต้น

Advertisment

2.AI Optimized Port Management สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ค่อยมีความรู้ ยกตัวอย่างบริษัท Vanguard, Wealthfront โดยเขาจะนำทรัพย์สินหลัก เช่น หุ้น พันธบัตร มาจัดพอร์ต มีการดูตัวเลขต่าง ๆ ที่สามารถ Optimized และซื้อขายได้เลย คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

3.Analyze Market Data (นำข้อมูลตลาดมาวิเคราะห์แนวโน้ม/โอกาสการลงทุน) หากมองในเชิงการลงทุนถือว่ามีมานานแล้ว และมนุษย์นำมาใช้ในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายนักลงทุนต้องนำมาใช้เอง ซึ่งนักลงทุนที่เก่งจะได้ประโยชน์มาก

ผลตอบแทน AI ชนะกองทุนไทย

ซีอีโอ “จิตตะ”กล่าวอีกว่า สำหรับในประเทศไทย “จิตตะ” ที่ลงทุนด้วย AI สามารถจัดการพอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพดี ตลอดช่วง 4 ปีกับ 1 ไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า โดยเฉลี่ยแล้วผลตอบแทนของ Jitta Ranking สามารถเอาชนะผลตอบแทนของกองทุนส่วนมากในประเทศได้ โดย Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม สร้างผลตอบแทน 140.27% เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนาม

ขณะที่ Jitta Ranking หุ้นสหรัฐก็สร้างผลตอบแทนได้ถึง 77.47% เป็นอันดับ 3 จากกองทุนหุ้นสหรัฐ 24 กองทุน ด้านตลาดหุ้นไทย สร้างผลตอบแทนได้ 4.64% เป็นอันดับที่ 44 จากกองทุนหุ้นไทย 315 กองทุน

นอกจากนี้ Global ETF เป็นการจัดพอร์ตตามทฤษฎีรางวัลโนเบล Modern Portfolio Theory ที่ลงทุนในหุ้นกู้เกรดดี หุ้นบริษัทชั้นนำระดับโลก พันธบัตรรัฐบาล ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณ 3 ปี 1 ไตรมาส ก็สามารถสร้างผลตอบแทน 41.46% เป็นอันดับที่ 43 จากกองทุนทั้งหมด 1,454 กองทุน

ทั้งนี้ AI ของ “จิตตะเวลธ์” สามารถทำผลตอบแทนได้ดีกว่า ดังนี้ 1.สามารถวิเคราะห์ 48,000 หุ้นทั่วโลก พิสูจน์อัลกอริทึ่มด้วยข้อมูลร่วม 1,000 ล้าน Data Points ทุกวัน ผ่านการพัฒนามาทุกวัฏจักรของตลาดหุ้น 2.มีกองทุนส่วนบุคคลภายใต้การบริหารกว่า 70,000 กองทุน มากที่สุดในประเทศไทย รวมถึงข้อมูลพฤติกรรมและ Feedback จากนักลงทุน ที่เข้ามาช่วยเป็นข้อมูลในการพัฒนา 3.AI บริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคลทั้งหมด ไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์ ที่มีอคติและอารมณ์หวั่นไหว

“อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เพราะสุดท้ายในโลกการลงทุน AI พัฒนาไปเรื่อย ๆ คนก็ต้องไม่หยุดพัฒนาในตัวเอง เพื่อที่จะได้รู้ว่าต้องจัดการ AI ที่วันหนึ่งจะมี Power มากขึ้นอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับการจัดการของเราด้วย” ซีอีโอ “จิตตะ” กล่าวทิ้งท้าย