หุ้นไทยเกือบหลุด 1,300 ปิดตลาด – 5.22 จุด ต่างชาติขายต่อเนื่อง 17 วันทำการ

money

หุ้นไทยเกือบหลุด 1,300 ปิดตลาด – 5.22 จุด “นักลงทุนต่างชาติ” ขายต่อเนื่อง 17 วันทำการ วันนี้หุ้นใหญ่ “พลังงาน-การเงิน” ถ่วงดัชนี

วันที่ 14 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดตลาดอยู่ที่บริเวณ 1,306.56 จุด ลดลง 5.22 จุด หรือติดลบ 0.40% เทียบจากดัชนีวันก่อนหน้า โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวม 38,624 ล้านบาท

ทั้งนี้ตั้งแต่เวลา 11 โมง ดัชนี SET แกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดทาง ดัชนี SET เกือบหลุดระดับ 1,300 จุด ลงไปทดสอบระดับต่ำสุด (LOW) ของวันที่บริเวณ 1,304.31 จุด หรือลดลง 7.47 จุด นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 714.12 ล้านบาท และนับเป็นการขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเวลา 17 วันทำการ (21 พ.ค.-14 มิ.ย. 2567) มูลค่ารวม 32,185.38 ล้านบาท

โดยหุ้นใหญ่ที่ปรับตัวร่วงแรงวันนี้ ประกอบด้วย 1. BGRIM ติดลบ 7.05% 2. GPSC ติดลบ 5.88% 3. GULF ติดลบ 3.11% 4. PTTGC ติดลบ 3.17% 5. SAWAD ติดลบ 5.19% 6. GLOBAL ติดลบ 3.82% 7. LH ติดลบ 2.44% 8. TIDLOR ติดลบ 3.68% 9. MTC ติดลบ 2.84% 10. AEONTS ติดลบ 2.62%

Advertisment

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี รายงานว่า แม้ดัชนี SET จะมีปัจจัยบวกจากต่างประเทศทั้ง PPI สหรัฐออกมาต่ำคาดและบอนด์ยีลด์สหรัฐปรับลง แต่ปัจจัยภายในเรื่องการเมือง ในวันที่ 18 มิ.ย. จะมีประเด็นการพิจารณาคดีคุณสมบัตินายก และการพิจารณายุบพรรคก้าวไกล ที่มีน้ำหนักต่อดัชนีมากกว่า โดยกลุ่มที่หนุนดัชนีคือ ไอซีที อาทิ ADVANC, TRUE ธนาคารพาณิชย์ อาทิ TTB, SCB ส่วนกลุ่มที่ถ่วงดัชนีคือ พลังงาน อาทิ BGRIM, GPSC, GULF กลุ่มท่องเที่ยว อาทิ ERW, CENTEL, กลุ่มการเงิน SAWAD, TIDLOR, MTC, AEONTS

สำหรับหุ้นกลุ่มการเงิน เบื้องต้นคาดมาจาก 1. ความไม่แน่นอนของการเมือง ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอย และการชำระคืนหนี้ 2. ความกังวลเรื่องหนี้เสีย (NPL) ที่อาจเห็นลูกหนี้ตกชั้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายสำรอง 3. การประชุมครั้งล่าสุด กนง. ไม่ลดดอกเบี้ย และคาดจะไม่มีการลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี ทำให้ต้นทุนทางการเงินยังคงระดับสูง และ 4. ปัจจัยเฉพาะตัวของ SAWAD ประเด็นข่าว ซีอีโอของ SCAP และคาดอาจหุ้นหลุด SET50

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) รายงานภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันนี้ (14 มิ.ย.) พบว่าดัชนี SET Index ภาคเช้าแกว่งแคบ ปิดลบ 2.22 จุด หรือ -0.17% อยู่ที่ 1,309.56 จุด แรงกดดันนำโดย GULF, PTT และ MINT ส่วนแรงพยุงดัชนีนำโดย SCB, KTC และ BEM ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ลบ ยกเว้นญี่ปุ่นที่บวก หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ย

ส่วนภาคบ่ายดัชนี SET Index ซึมตัวลงต่อด้วยแรงกดดันจาก 1. การเมืองไทย Overhang โดยนายกฯ อยู่ระหว่างการเตรียมส่งข้อมูลเพิ่มเติม แม้ว่าคาดจะสามารถชี้แจงได้ แต่ทำให้ภาพบรรยากาศความมั่นคงทางการเมืองที่ลดลงกดดันเงินทุนไหลออก สะท้อนภาพจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังขายหุ้นไทยเดือนนี้กว่า 1.47 หมื่นล้านบาท เมื่อนับจากต้นเดือน มิ.ย. (MTD)

Advertisment

2. กลุ่มโรงไฟฟ้าถูกกดดันจากแผน PDP ใหม่ ซึ่งมีราคาขายปลีกสำหรับปี 2567-2568 เฉลี่ยที่ 3.8704 บาทต่อหน่วย ซึ่งถูกกว่าแผนเดิมที่ 3.9479 บาทต่อหน่วย

3. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.10% ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่า แม้เป็นผลดีต่อภาคส่งออกญี่ปุ่น แต่เป็นผลลบต่อคู่ค้าอย่างไทย จากบาทที่แข็งค่าเทียบเยนมากขึ้น

อย่างไรก็ตามปัจจัยพยุงดัชนียังมีจากโครงการเงินดิจิทัลที่คืบหน้ามากขึ้น ปัจจุบันได้ข้อสรุปว่าสามารถใช้ซื้อ Smartphone ได้ ซึ่งเป็นแรงหนุนต่อกลุ่มจับจ่ายใช้สอยและ Telecom

ขณะที่วันนี้นายกแถลงอ้างอิงผลงานวิจัยของ HSBC Global ที่ระบุว่า ไทยเป็นหนึ่งในตลาดของธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งมีหลายประเทศต้องการลงทุนในไทยภายในช่วง 2 ปีข้างหน้า และมีมุมมองเชิงบวกต่อไทยว่าจะเป็นฐาน Supply Chain ของการผลิตที่สำคัญในภูมิภาค สอดคล้องกับ BOI ที่เผยว่า การลงทุนในช่วงไตรมาส 1/2567 มีผู้ขอรับการส่งเสริมสูงถึง 724 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 2.28 แสนล้านบาท +31% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) โดยนายกคาดปี 2567 จะมีมูลค่าลงทุนรวมแตะ 8 แสนล้านบาท