ย้อนเรื่องราว บัตรร่วมเดอะมอลล์ จาก Citi M-SCB M สู่ Bangkok Bank M

บัตรร่วมเดอะมอลล์ M Visa

ย้อนเรื่องราว “M Visa” แบรนด์บัตรเครดิต-เดบิต Co-Brand จากเดอะมอลล์ ที่ผ่านมือพาร์ตเนอร์ชั้นนำ ทั้ง Citi-SCB และพาร์ตเนอร์ล่าสุดอย่าง “แบงก์กรุงเทพ”

หากพูดถึง เดอะมอลล์ ภาพจำสำคัญของใครหลาย ๆ คนในยุคนี้ คือการเป็นผู้ดำเนินการศูนย์การค้าที่อยู่บนสนามค้าปลีกมานานกว่า 4 ทศวรรษ และเป็นเจ้าของพื้นที่การค้าหรูใจกลางเมือง ในชื่อ “ดิ เอ็มดิสทริค (The EM District)” ซึ่งมีทั้ง เอ็มโพเรียม (Emporium), เอ็มควอเทียร์ (Emquartier), เอ็มสเฟียร์ (EmSphere) รวมถึง การเป็นผู้ร่วมลงทุนสร้างศูนย์การค้าระดับโลก “สยามพารากอน”

อีกมุมหนึ่ง คือ เรื่องการทำบัตรร่วม หรือบัตร Co-Brand ซึ่งแม้ที่ผ่านมา เดอะมอลล์ จะเคยร่วมกับหลายธนาคารเพื่อทำบัตรร่วมมาแล้ว แต่การร่วมกันทำบัตรร่วมที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยมากกว่า คงหนีไม่พ้นการใช้แบรนด์ “เอ็ม วีซ่า (M Visa)” ซึ่งเริ่มมานานถึง 1 ทศวรรษแล้ว

และมีการเปลี่ยนพาร์ตเนอร์ร่วมบริการบัตรมาถึง 3 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ ซิตี้แบงก์ (Citibank) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank) ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์รายล่าสุดของบัตรร่วมแบรนด์นี้

แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญ ตลอดการสร้างแบรนด์บัตรร่วม “M Visa” ของเดอะมอลล์และพาร์ตเนอร์การเงิน ทั้ง 3 แบรนด์นี้ มีอะไรบ้าง

Advertisment

“ประชาชาติธุรกิจ” ชวนย้อนเส้นทางของบัตรร่วมแบรนด์นี้ ตลอดกว่า 10 ปีไปพร้อมกัน

“Citi” จุดสตาร์ตบัตรร่วม “M Visa”

จุดเริ่มต้นของแบรนด์บัตรร่วม “M Visa” ของเดอะมอลล์นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อปี 2550 โดยเดอะมอลล์ประกาศผนึกกำลังกับสองยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจการเงินอย่าง ธนาคารซิดี้แบงก์ (Citibank) และ วีซ่า (Visa) ออกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตร่วมในชื่อ “ซิตี้ เอ็ม วีซ่า (Citi M Visa)” โดยใช้งบประมาณลงทุนในการออกบัตรสูงถึง 3,000 ล้านบาท เพื่อร่วมกันพัฒนาด้านสิทธิประโยชน์และประสบการณ์การใช้งานบัตรเครดิต

ภาพของบัตร Co-Brand ในอดีตนั้น หลายคนมักมองว่า ใช้ Co-Brand แบรนด์ไหน มักได้สิทธิพิเศษจากแบรนด์นั้นมากกว่าทั่วไป แต่กับการพัฒนา “Citi M Visa” กลับมองการให้สิทธิพิเศษมากกว่านั้น

ศุภลักษณ์ อัมพุช ผู้บริหาร เดอะมอลล์ กรุ๊ป ซึ่งขณะนั้นเป็นรองประธานกรรมการบริหารอาวุโส เปิดเผยถึงสิทธิพิเศษของบัตร Citi M Visa ว่าบัตรดังกล่าว นอกจากการให้สิทธิพิเศษ-ส่วนลดต่าง ๆ ผ่านร้านค้าในศูนย์การค้า และซูเปอร์มาร์เก็ตเครือเดอะมอลล์แล้ว ยังให้สิทธิพิเศษเพิ่มเติมเมื่อใช้บริการโรงแรม, สนามกอล์ฟ, ร้านอาหาร, สปา, โรงพยาบาล และปั๊มน้ำมัน

Advertisment

รวมถึงมีบริการพิเศษสำหรับลูกค้าของ Citi M Visa ภายในศูนย์การค้าฯ เช่น บริการ Platinum Lounge, Service Center, Personal Shopping & Concierge Service, Reserve Parking, Valet Parking เป็นต้น

ขณะที่แง่ของการร่วมมือกับซิตี้แบงก์นั้น วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ณ ขณะนั้น เปิดเผยว่า ซิตี้แบงก์เอง เป็นผู้นำโปรแกรมสิทธิประโยชน์ (Loyalty) มาบุกเบิกตลาดบัตรเครดิตเป็นรายแรก และยังเคยออก บัตรเครดิต Co-brand ร่วมกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่มาแล้ว

การร่วมกันทำ Citi M Visa ในครั้งนี้ นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการช้อปปิ้ง ทั้งการมอบสิทธิพิเศษจากเดอะมอลล์ และซิตี้แบงก์ การให้คะแนนสะสม Citi Rewards และนำระบบ Full Scale Loyalty Program มาใช้ในการจัดการ-บันทึกข้อมูลสมาชิกบัตรฯ เพื่อวิเคราะห์ในการสรรหาสิทธิประโยชน์ ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า

โดยความร่วมมือกันของเดอะมอลล์ และธนาคารซิดี้แบงก์ ในการสร้าง “Citi M Visa” กินระยะเวลากว่า 10 ปี ก่อนที่จะเริ่มเปลียนตัวพาร์ตเนอร์ครั้งแรก

ขณะที่ Citi เอง ที่เพิ่งโบกมือลาเพื่อนร่วมทางคนเดิมในตอนนั้น เริ่มเดินเกมใหม่ เปิดตัว “ซิตี้ พรีเมียร์ (Citi Premier)” ทดแทน เพื่อลุยตลาดลูกค้าสายช็อปในห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้าโดยเฉพาะ

แท็กทีม “SCB” สร้างประสบการณ์ยุคไร้เงินสด-เพิ่มโซลูชั่นการเงิน

การเดินทางของบัตรร่วมเดอะมอลล์ ยังคงเดินหน้าต่อ โดยร่วมกับพาร์ตเนอร์คนใหม่ “ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)” เปิดตัวแบรนด์ “SCB M (เอสซีบี เอ็ม)” ซึ่งวาดหมุดหมายให้เป็นมากกว่าบัตรเครดิต เพราะเปิดตัวครบ ตั้งแต่บัตรเครดิต จนถึงบัตรเดบิต บัตรพรีเพด และมองไกลถึงการสร้างโซลูชั่นทางการเงิน และสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งยุคไร้เงินสด

โดยการร่วมมือครั้งนี้ เป็นการร่วมมือต่อเนื่องจากการให้บริการระบบชำระเงินแบบ QR Payment ร่วมกันระหว่าง SCB และเดอะมอลล์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัลของผู้บริโภค และปรับตัวสู่ยุค Retail 4.0

ศุภลักษณ์ อัมพุช เปิดเผยว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ เป็นการพลิกประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ นำดิจิทัลเทคโนโลยีเชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้า

ขณะที่ อาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า การร่วมมือกันมาจากวิชั่นเดียวกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อธุรกิจและการเติบโตในอนาคต การสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เข้ามาเปลี่ยนและเข้ามาเซอร์ไพรส์ตลาด การไดรฟ์ลูกค้าของทั้ง 2 ธุรกิจในทุกแพลตฟอร์ม

ซึ่งเรามีการกำหนดภาพที่ชัดเจน ในสิ่งที่เราจะทำต่อจากนี้ สร้างคอนซูเมอร์เอ็กซ์พีเรียนซ์แบบใหม่ มากกว่าการเป็นโคแบรนด์ เป็นมากกว่าการบริการทางการเงินแบบเดิมในอดีต

การออกผลิตภัณฑ์ SCB M นั้น เรียกว่า ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ตั้งแต่บัตรเครดิตสำหรับกลุ่มคนทำงาน, บัตรเดบิตสำหรับวัยรุ่น และบัตรพรีเพดสำหรับนักเรียน นักศึกษา และนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีโซลูชั่นต่าง ๆ ภายใต้แบรนด์ SCB M ทั้งบัตรกดเงินสด และประกันรูปแบบต่าง ๆ

และหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของการพัฒนา “SCB M” คือ การช็อปปิ้งแบบไม่ต้องรูดบัตรเครดิต โดยเป็นการชำระเงินในรูปแบบ Virtual Credit Card ผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ดด้วยแอปพลิเคชั่น SCB EASY และระบบ i-Reserved Parking จองที่จอดรถผ่านออนไลน์ สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตกลุ่ม M LUXE และ M LEGEND

ขณะที่สิทธิพิเศษต่าง ๆ ยังคงมีเหมือนเดิม ทั้งส่วนลดและสิทธิพิเศษที่ร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต เครือเดอะมอลล์ การสะสมคะแนน M Card ทุกครั้งที่ใช้บัตรทั้งในห้างและนอกห้าง การใช้คะแนน M Card แลกสิทธิพิเศษต่าง ๆ รวมถึงสิทธิพิเศษจากพันธมิตรรายอื่น ๆ

และในช่วงนั้นเอง เดอะมอลล์ ได้มีการลงทุนเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้งเอไอ (AI), แชตบอต (Chatbot) และบิ๊กดาต้า เพื่อเสริมเรื่องการให้บริการและการมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ แก่ลูกค้า

แต่แล้วการแยกทางกันเดินก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ SCB ประกาศหมดสัญญาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ SCB M หลัง 31 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ทำให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ SCB M ทั้งบัตรเครดิต-บัตรเดบิต-บัตรกดเงินสด และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะไม่สามารถใช้ได้หลังวันดังกล่าว

ขณะที่การออกผลิตภัณฑ์ทดแทนให้กับลูกค้าเดิมทุกรายนั้น SCB ระบุไว้ว่า ไม่มีการออกผลิตภัณฑ์อื่นทดแทนให้ลูกค้า เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อ ธนาคารฯ โอนธุรกิจบัตรเครดิตให้อยู่ในการดูแลของ CardX (บริษัทในเครือ SCBX) แล้ว หากต้องการใช้งานต่อ จะต้องสมัครบัตรเครดิตใหม่เท่านั้น

และเช่นเดียวกับบัตรเดบิต หากต้องการใช้งานต่อ จะต้องสมัครบัตรเดบิตใหม่อีกครั้ง ไม่มีการออกผลิตภัณฑ์ทดแทนให้อัตโนมัติ

อ่านเพิ่มเติม : ยกเลิกบัตร “SCB M” ตั้งแต่ 1 ก.พ. 2567 ลูกค้ากระทบอะไรบ้าง ?

เปิดตัว “แบงก์กรุงเทพ” พาร์ตเนอร์ยุคแรกเริ่ม

หลังจากการประกาศหมดสัญญาพัฒนาผลิตภัณฑ์ SCB M หลายคนต่างจับตาว่า พาร์ตเนอร์คนใหม่ที่จะร่วมพัฒนาบัตรร่วมของเดอะมอลล์ จะเป็นใคร

ปริศนาทั้งหมดถูกเฉลย เมื่อเดอะมอลล์ โพสต์ผ่านเว็บไซต์ เผยโฉมบัตรใหม่ “Bangkok Bank M Visa” โดยร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ในการให้บริการบัตรร่วมในครั้งนี้

การร่วมมือกันในครั้งนี้ของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และธนาคารกรุงเทพ ไม่ใช่การร่วมมือเชิงธุรกิจที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ความเป็นจริงแล้ว การร่วมมือระหว่างกันเกิดขึ้นมานานกว่า 4 ทศวรรษแล้ว

ศุภลักษณ์ อัมพุช กล่าวบนเวทีเปิดตัว “Bangkok Bank M Visa” เมื่อ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ระบุว่า ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพ สนับสนุนสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างโครงการ “เดอะมอลล์ ท่าพระ” เมื่อราว 40 ปีก่อน ในวงเงินราว 350 ล้านบาท และเป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อในการพัฒนาโครงการอื่น ๆ มาตลอด เช่น เดอะมอลล์ บางกะปิ, เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน

ศุภลักษณ์ ยังย้ำด้วยว่า การเปิดตัวเป็นพาร์ตเนอร์ของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และแบงก์กรุงเทพ ในครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้อยู่เพียงแค่การเป็นเบื้องหลังอีกต่อไป และความร่วมมือระหว่างกันจะยังคงมีต่อไป

ในแง่ของความร่วมมือ ปั้น “Bangkok Bank M Visa” ในครั้งนี้ ศุภลักษณ์ เปิดเผยสถิติที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันเดอะมอลล์ กรุ๊ป มีสมาชิก M card ทั้งสิ้น 5.3 ล้านราย และลูกค้ากว่า 50% ชำระผ่าน Digital Payment อาทิ บัตรเครดิต บัตรเดบิต QR Code เป็นต้น เนื่องจากความปลอดภัย สะดวก และคุ้มค่า

นอกจากนี้ ลูกค้าบัตร Co-Brand มีการใช้จ่ายสูงกว่าบัตรเครดิตทั่วไปถึง 4.5 เท่า เนื่องจากการให้คะแนนและสิทธิประโยชน์ ส่วนลดต่าง ๆ ที่ได้รับทำให้ลูกค้านำบัตรไปใช้นอกห้าง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ความบันเทิง รวมไปถึงต่างประเทศ

ชาติศิริ โสภณพนิช (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ | ศุภลักษณ์ อัมพุช (ขวา) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะให้บริการภายใต้แบรนด์ “Bangkok Bank M” มีตั้งแต่บัตรเครดิต Bangkok Bank M Visa ซึ่งมี 3 ระดับ คือ M LIVE, MLUXE, M LEGEND และบัตรเดบิต Bangkok Bank M Visa ซึ่งมีทั้งแบบบัตรชิปการ์ด และบัตรดิจิทัลสำหรับใช้ผ่านโมบายแบงกิ้ง หรือเลือกสมัครทั้ง 2 แบบไว้ใช้คู่กันก็ได้ โดยจะเปิดให้สมัครเป็นทางการตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป

จากนั้นภายในปี 2567 จะทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ภายใต้แบรนด์ “Bangkok Bank M” ทั้งบัตรพรีเพด บัตรของขวัญ และบัตรกดเงินสด

โดยความร่วมมือกันในการพัฒนาบัตร “Bangkok Bank M Visa” ครั้งนี้ เป็นการเซ็นสัญญานานถึง 10 ปี และตั้งเป้า 5 ปีแรกของการเปิดตัว จะมีจำนวนบัตรเครดิตและบัตรเดบิต Bangkok Bank M Visa จำนวน 1.5 ล้านใบ

ขณะที่สิทธิประโยชน์ของบัตร Bangkok Bank M Visa ยังคงมีเหมือนเดิม อาทิ ส่วนลดสูงสุด 10% และส่วนลด 5% เมื่อใช้จ่ายที่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต รับคะแนน M Point สูงสุด 4 เท่า และสามารถนำคะแนนมาแลกรับสินค้าได้ทุกชิ้นทั้งห้าง

ต้องจับตาดูต่อไปว่า การร่วมเดินทางในครั้งนี้ของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป และพาร์ตเนอร์คนสำคัญของธุรกิจอย่าง “ธนาคารกรุงเทพ” ตลอด 10 ปีข้างหน้านี้ จะเป็นอย่างไร และจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ให้กับโลกการเงินและโลกค้าปลีกอย่างไรบ้าง

ข้อมูลอ้างอิงจาก RYT9.com, Brand Inside