Gulf ผนึก Google ดีเดย์ส่งมอบ Sovereign Cloud Services บริการคลาวด์สุดล้ำ

GULF and Google Cloud

Gulf Edge และ Google Cloud จับมือส่งมอบ Sovereign Cloud Services เปิดใช้งาน AI สำหรับประเทศไทยรายแรก ช่วยเสริมแกร่งอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จาก Google Cloud AI ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นเอกเทศ ตามการปฏิบัติข้อกำหนดด้านการจัดเก็บข้อมูลภายในและการป้องกันข้อมูล

วันที่ 27 มิถุนายน 2567 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Gulf เปิดเผยว่า บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด (Gulf Edge) บริษัทในเครือของ Gulf และ Google Cloud ได้ประกาศข้อตกลงระยะเวลายาวสำหรับการให้บริการคลาวด์อธิปไตย (Sovereign Cloud Services) ในประเทศไทยตามข้อกำหนดที่เข้มงวดด้านถิ่นที่อยู่ของข้อมูล ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว เพื่อเปิดให้บริการในประเทศไทยเป็นรายแรก

สารัชถ์ รัตนาวะดี
สารัชถ์ รัตนาวะดี

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้มุ่งเพิ่มขีดความสามารถให้กับองค์กรต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่มีความสำคัญหรือเป็นความลับ เช่น การให้บริการทางการแพทย์ การให้บริการความปลอดภัยสาธารณะ พลังงาน และสาธารณูปโภค

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) ด้วยนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ชั้นนำของโลก และการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพสูง ควบคู่ไปกับความมั่นคงและเสถียรภาพสูงสุดในการดำเนินงาน (Operational Sovereignty) การจัดเก็บข้อมูล (Data Sovereignty) และการให้บริการซอฟต์แวร์ที่อยู่ใต้ขอบเขตข้อบังคับของประเทศ (Software Sovereignty)

“ข้อตกลงดังกล่าว Gulf Edge จะได้รับสิทธิจาก Google Cloud เพื่อดำเนินธุรกิจระบบคลาวด์ Google Distributed Cloud (GDC) ในฐานะผู้ให้บริการ Managed GDC Provider (MGP) สำหรับองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทย”

Advertisment

โดยมุ่งเน้นไปที่การให้บริการคลาวด์ประเภท Google Distributed Cloud air-gapped (“GDC air-gapped”) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ Google Sovereign Cloud ที่ทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมตามความต้องการของผู้ใช้งานคลาวด์และตัดขาดจากการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสาธารณะโดยสิ้นเชิง ซึ่ง MGP เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ร่วมมือกับทาง Google Cloud เพื่อขับเคลื่อนการนำ GDC air-gapped ผ่านการให้คำปรึกษาและบริการจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการจัดการดูแลระบบอย่างครบวงจร

ในส่วนของการให้บริการ Gulf Edge เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานเลือกได้ว่าจะทำการติดตั้งผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped ในพื้นที่ของผู้ใช้งานหรือภายในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของกลุ่มบริษัท Gulf พร้อมด้วยตัวเลือกฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้ใช้งาน เช่น หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) สำหรับใช้งานทั่วไป

การให้บริการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการกับปัญหาเฉพาะขององค์กรและข้อกำหนดด้านปริมาณงาน ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูล การดำเนินงาน และซอฟต์แวร์ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของลูกค้าและอยู่ภายในขอบเขตของประเทศไทยโดยสมบูรณ์ โดยเป็นไปตามกรอบกฎหมายและข้อบังคับ อาทิ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

Advertisment

ด้วยความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ขั้นสูงของ Google Cloud ในผลิตภัณฑ์ GDC ทำให้องค์กรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในไทย สามารถใช้เทคโนโลยี เพื่อนำเสนอการให้บริการและองค์ความรู้แบบใหม่ ในยุคที่พลวัตของเทคโนโลยีดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เช่น พัฒนาการรักษาแบบเฉพาะบุคคลสำหรับภาวะสุขภาพเรื้อรัง

ยกระดับการสร้างแบบจำลองทางเศรษฐกิจและการพัฒนาบริการสาธารณะที่ปรับเปลี่ยนได้และมีพลเมืองเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ตลอดจนเพิ่มการผลิตพลังงานสูงสุดในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ลม พลังน้ำ หรือโรงไฟฟ้าชีวมวล

“ความร่วมมือของเรากับ Google Cloud บนผลิตภัณฑ์ Sovereign Cloud แห่งแรกในไทยที่มีเทคโนโลยี AI ภายในผลิตภัณฑ์และการวิเคราะห์ในตัวนั้น เป็นสิ่งเน้นย้ำความมุ่งมั่นของกัลฟ์ในการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความร่วมมือกับ Google ในผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped เกิดจากการที่เราเล็งเห็นถึงความสามารถที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์ ที่สามารถแยกการทำงานออกจากอินเทอร์เน็ตสาธารณะโดยสิ้นเชิง”

ในขณะที่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ทำให้เราสามารถจัดการกับงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากที่เกี่ยวกับข้องกับธุรกิจด้านพลังงานและสาธารณูปโภคที่สำคัญ อีกทั้งยังสามารถรักษาความปลอดภัยและตอบสนองความต้องการและปริมาณการใช้งานของคลาวด์ที่ยืดหยุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำเร็จในการให้บริการ GDC air-gapped ในประเทศไทยถือเป็นบันไดก้าวสำคัญของประเทศ เพราะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางดิจิทัลให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศ รวมถึงในมุมของบริษัทยังเป็นการสร้างโอกาสที่สำคัญในการเติบโตทางธุรกิจได้อีกด้วย

“ความร่วมมือดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนบันไดก้าวแรก ที่จะต่อยอดไปสู่ความร่วมมือด้านอื่น ๆ กับทาง Google Cloud โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศในอนาคต”

การประกาศความร่วมมือในวันนี้เป็นการปูทางให้ Gulf Edge และ Google Cloud สามารถขยายการดำเนินงานทางธุรกิจไปยังบริการด้านอื่น ๆ ในระบบนิเวศคลาวด์ในอนาคตได้ ทั้งด้าน AI และด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ตอัพ อันจะนำไปสู่การที่ประเทศไทยจะกลายเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมดิจิทัลในระดับภูมิภาค

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้จะรวมจุดแข็งของ Google Cloud ทางด้าน AI ที่ล้ำสมัยสำหรับองค์กร โครงสร้างพื้นฐาน นักพัฒนา ข้อมูล ความปลอดภัย และเครื่องมือการทำงานร่วมกันระดับองค์กรที่ล้ำสมัย เข้ากับความเป็นผู้นำของกัลฟ์ในด้านการผลิตไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานสะอาด ศูนย์ข้อมูล และโทรคมนาคมผ่านบริษัทในเครือ

ผลิตภัณฑ์ Cloud สำหรับข้อมูลที่เป็นความลับ GDC air-gapped จะมีการรักษาความปลอดภัยหลายชั้นเพื่อให้ได้รับการควบคุมสูงสุด ซึ่งยังคงเป็นไปตามกฎระเบียบของไทย และปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับ รวมถึงความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์ ความปลอดภัยของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ความปลอดภัยของแอปพลิเคชั่น ความปลอดภัยเครือข่าย การเข้ารหัส การระบุตัวตนและการจัดการการเข้าถึง การดำเนินการด้านความปลอดภัย การดำเนินการที่เชื่อถือได้ และการตรวจสอบและทดสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดเทคโนโลยี AI และการทำงานที่อาศัยข้อมูลจำนวนมากในสภาพแวดล้อมแบบ air-gapped

GDC air-gapped จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หลัก (เช่น Workbench, Pipelines, Predictions) ของ Vertex AI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการพัฒนา AI แบบ end-to-end ของ Google Cloud ได้ เพื่อช่วยในการพัฒนาและปรับใช้การเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูง (Machine Learning : ML) และแอปพลิเคชั่นสำหรับการค้นหาด้วย Generative AI อย่างรวดเร็วตามความต้องของผู้ใช้

โดยโมเดล ML ที่ผ่านการเรียนรู้ล่วงหน้า (Pretrained) สำหรับ Speech-to-Text, การแปลภาษา และ Optical Character Recognition (OCR) นั้นสามารถรองรับได้มากกว่า 100 ภาษา รวมถึงภาษาไทย เช่นเดียวกับ Gemma ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์ซที่ล้ำสมัยของ Google ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างอิสระเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ องค์กรต่าง ๆ ยังสามารถเข้าถึงทรัพยากรฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Google Cloud ได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งมีความสำคัญต่อนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในสภาพแวดล้อม air-gapped ไม่ว่าจะเป็น Google Kubernetes Engine (GKE), NVIDIA Tensor Core GPU, ระบบจัดการฐานข้อมูล AlloyDB Omni แบบพกพา และ Dataproc สำหรับการเรียกใช้การวิเคราะห์ข้อมูลแบบโอเพ่นซอร์ซ

นาย Karan Bajwa รองประธาน Google Cloud ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า “จากความมุ่งมั่นตั้งใจของเราที่มีต่อรัฐบาลไทยในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความยืดหยุ่นและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสำหรับประเทศ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำ Gulf Edge เข้ามาสู่การเป็น MGP เจ้าแรกในประเทศไทยที่ให้บริการผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped ให้กับองค์กรต่าง ๆ ในประเทศต่อไป

Karan Bajwa
Karan Bajwa

โดยผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped ที่มีเทคโนโลยี AI นี้จะช่วยให้ภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมภายใต้การกำกับดูแล สามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลตามความต้องการของแต่ละองค์กร ภายใต้ข้อกำหนดต่าง ๆ ของประเทศที่เข้มงวดได้อย่างดีเยี่ยม

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped ยังสามารถช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ขยายขีดความสามารถใหม่ ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูล เปิดเผยข้อมูลเชิงลึก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างแอปพลิเคชั่นตามความต้องการขององค์กร ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้มั่นใจได้ว่าองค์กรจะสามารถควบคุมและปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สำหรับ บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด หรือ Gulf Edge. เป็นบริษัทย่อยของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่มุ่งเน้นการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และให้บริการด้านดิจิทัลต่าง ๆ กับลูกค้าหลากหลายประเภท ปัจจุบันบริษัทกัลฟ์ และกัลฟ์ เอดจ์ มีการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคมและเทคโนโลยีขั้นสูงต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตชั้นนำของประเทศไทย ลงทุนในบริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ จำกัด GSA ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลระดับสากลที่รองรับศักยภาพของ AI ด้วยขนาดเริ่มต้นสูงสุด 50 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการลงทุนในบริษัท ไทยคม จํากัด (มหาชน) (“THCOM”)-ผู้ให้บริการดาวเทียมชั้นนำของเอเชียที่มีโซลูชั่นเทคโนโลยีอวกาศขั้นสูง และบริษัท ไบแนนซ์ (ประเทศไทย) จํากัด (“Binance Thailand”)-แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์และสกุลเงินดิจิทัลในประเทศไทย