KSL คาดรายได้ไม่หลุด 18,000 ล้าน รับราคาน้ำตาลโลกพุ่ง พร้อมขายโรงงานที่กัมพูชา

น้ำตาลขอนแก่น (KSL Group) รับอานิสงส์ราคาน้ำตาลโลกครึ่งปีแรกพุ่ง 26 เซนต์/ปอนด์ สูงสุดในรอบ 12 ปี คาดทั้งปียังเฉลี่ยที่ 23 เซนต์/ปอนด์ เชื่อรายได้ไม่หลุด 18,000 ล้านบาท พร้อมขายที่พร้อมโรงงานน้ำตาลที่กัมพูชา 2,000 ล้านบาทด่วน ด้านโรงงานใหม่ที่สระแก้ว เตรียมเดินเครื่อง ธ.ค. 2567 นี้ ดันกำลังการผลิตเพิ่มอีก 600,000 ตัน/ปี

วันที่ 20 มิถุนายน 2567 นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL Group เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลฤดูการผลิตปี 2566/2567 มีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 5.43 ล้านตัน ลดลง 20% จากปี 2565/2566 ซึ่งที่ 6.60 ล้านตัน จากสภาวะภัยแล้ง ทำให้ในปี 2566/2567 มีปริมาณน้ำตาลขายลดลง แต่ถูกชดเชยด้วยการทำราคาขายที่ดีขึ้น 30%

เนื่องจากราคาตลาดโลกปรับตัวพุ่งขึ้นไปถึง 25-26 เซนต์/ปอนด์ ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นราคาที่ดีที่สุดในรอบ 12 ปี โดยคาดการณ์ราคาน้ำตาลตลาดโลกเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 22-23 เซนต์/ปอนด์ ทั้งนี้ คาดการณ์ผลผลิตอ้อยทั้งประเทศในปี 2567/2568 จะอยู่ที่ 90-100 ล้านตัน ในขณะที่ของทั้งกลุ่ม KSL จะอยู่ที่ 6.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2566/2567

ชลัช ชินธรรมมิตร์

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกมีความผันผวนเนื่องจากปริมาณอ้อยที่ลดลงจากสภาวะภัยแล้ง และการเลื่อนรับมอบสินค้าของลูกค้า โดยในครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 10% จากครึ่งปีแรก รวมทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงกับปี 2566 หรือประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวมาจากธุรกิจน้ำตาล 80% ธุรกิจไฟฟ้า 10% และจากธุรกิจบริษัทลูกจากการน่วมทุนกับ BBGI อีก 10%

ขณะที่การก่อสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ จังหวัดสระแก้ว มีกำลังการผลิต 20,000 ตันอ้อย/วัน กำลังการผลิตไฟฟ้า 35 เมกกะวัตต์/วัน ปัจจุบันการก่อสร้างเป็นไปตามแผน พร้อมเดินเครื่องภายในธันวาคม 2567 นี้ คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 500,000-600,000 ตัน/ปี

Advertisment

ปัจจุบัน KSL Group เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาล รวมถึงผลพลอยได้อื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 4 ของประเทศ มีโรงงานน้ำตาลที่อยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจทั้งหมด 6 โรงงาน 5 แห่งในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 1.3 แสนตันอ้อย/วัน และ 1 แห่งในประเทศลาว

สำหรับโรงงานน้ำตาลที่กัมพูชา ได้ประกาศขายพร้อมที่ดินขนาด 1.2 แสนไร่ จากที่ได้ลงทุนไปเมื่อ 13-14 ปีที่ผ่านมา ใช้เงินกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งการตัดสินใจขายในครั้งนี้ ในราคาครึ่งหนึ่ง 50% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีปริมาณอ้อยเพียงพอในการผลิตน้ำตาล และสภาพอากาศไม่เอื้อต่อการเพาะปลูก ทำให้ได้ผลผลิตที่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนและดำเนินกิจการต่อไป