จุดยืน ส.อ.ท. ต่อร่างแผน PDP2024 ชงเปิดเสรีไฟฟ้า ขอลดค่าความพร้อมจ่าย 50%

ค่าไฟฟ้า

เปิดจุดยืน ส.อ.ท. ต่อร่างแผน PDP2024 ชง 3 ข้อเสนอ เร่งรัดเปิดเสรีไฟฟ้า แง้มมีขอให้ลดค่าความพร้อมจ่าย 50% ให้โรงไฟฟ้าหลังการคืนทุนช่วยค่าไฟเหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมผนึกกำลังมุ่งสู่เป้าพลังงานสะอาดของประเทศ

วันที่ 13 มิถุนายน 2567 นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)​ เปิดเผย จุดยืน ส.อ.ท. ต่อ (ร่าง) แผน PDP2024

“เห็นพัฒนาการของแผนที่ดีขึ้น แต่อาจยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังงานสีเขียว และราคาค่าไฟฟ้าที่ยังสูง”

หลักการ 3 ด้าน คือ 1.ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ควรเน้นเปิดเสรี และมองความคุ้มค่าต้นทุนที่ต้องจ่ายไปกับความมั่นคง

1.1 นโยบายการเปิดเสรีไฟฟ้า และการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้กับบุคคลที่สาม (TPA) ควรเร่งส่งเสริมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม มีการกำหนดแผนการ Implementation และผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน เพื่อรองรับความต้องการ Green Energy ของภาคอุตสาหกรรม

Advertisment

1.2 พิจารณาสัดส่วน Demand & Supply ให้เหมาะสม ไม่สร้างปัญหา Supply over Demand มากเกินไป ความจำเป็นในการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ และความคุ้มค่า เปรียบเทียบกับการยืดอายุโรงไฟฟ้าเดิมแทนการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่ต้องมีสัญญาผูกพันไปอีก 20-25 ปี และทบทวนการพยากรณ์ความต้องการพลังงานไฟฟ้าของประเทศให้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไป

ควรพิจารณานำเทคโนโลยี AI มาช่วยการพยากรณ์ และกรณี LOLE นั้น ควรมีการกำหนดเกณฑ์เป็นช่วงที่เหมาะสม โดยมีการกำหนดเกณฑ์ค่าต่ำและเกณฑ์ค่าสูง (ปัจจุบันเกณฑ์ค่าสูง คือ 0.7 วัน/ปี) และมีการให้ข้อมูล Reserve Margin ควบคู่ไปด้วย

1.3 สัดส่วนเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่งผลโดยตรงต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและต้นทุนของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ควรมีการพิสูจน์ และติดตามว่าสามารถบรรลุได้ตามเป้าหมายของแผนหรือไม่อย่างใกล้ชิดในแต่ละช่วงเวลา

1.4 ภาครัฐควรส่งเสริมการลงทุนเทคโนโลยีใหม่ให้กับภาคเอกชน เช่น ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) เพื่อเกิดการกระจายลงในระบบ Distribution ตามพื้นที่ และเกิด Optimization ในระบบไมโครกริด เพื่อลดการผูกขาด

Advertisment

2.ราคาเหมาะสมและเป็นธรรม โปร่งใส รอบคอบ ปิดความเสี่ยงจากราคาพลังงานฟอสซิลผันผวน

2.1 ควรมีการเปรียบเทียบต้นทุนพลังงาน ประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ให้เห็นถึงโรงไฟฟ้าที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งส่งผลต่อความสามารถต่อการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม โดยแสดงข้อมูลให้ชัดเจน เช่น ต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ ค่าเชื้อเพลิง ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าตลอดอายุของโรงไฟฟ้าหารด้วยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ (Levelised Cost of Electricity : LCOE) เป็นต้น

2.2 กรณีโรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ควรทบทวนบทเรียนจากอดีต โดยค่า EP ไม่ผลักภาระให้ผู้บริโภค 100% แบบ Cost plus และควรทบทวนสูตรให้โรงไฟฟ้ารับภาระความเสี่ยงจากการผันผวนของ NG บ้างตามสมควร และควรลดค่า AP ลงจากสัญญาเดิม 50% โดยเฉพาะหลังการคืนทุน

2.3 ควรพิจารณาการใช้พลังงานหมุนเวียนผสมผสานกับระบบกักเก็บพลังงานที่สามารถประกันราคาได้ตลอดอายุสัญญาเป็นหลัก มากกว่าการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากความผันผวนของราคานำเข้า LNG

3.มุ่งสู่เป้าพลังงานสะอาดของประเทศ และความร่วมมือกับทุกภาคส่วนมากขึ้น

3.1 การปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของประเทศ มีเป้าหมายการปลดปล่อย CO2 ที่ต่ำมาก โดยเน้นลดการปลดปล่อยในภาค Energy Industries และ Transportation แต่ยังขาดแผนที่ชัดเจนในภาคส่วนดังกล่าว เพื่อให้ภาคการผลิตไฟฟ้าสามารถปรับลดการปลดปล่อย CO2 ได้บนความเป็นไปได้เชิงเศรษฐศาสตร์

3.2 ควรเร่งการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีอื่น มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายการถ่ายทอดเทคโนโลยีพลังงานสะอาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่อง Carbon Capture, Utilization and Storage

เช่น การประโยชน์จากแหล่ง Lignite ในประเทศ ซึ่งภาครัฐควรร่วมเอกชนใกล้ชิดในการเปิดเวทีกว้าง เพื่อทางเลือกพลังงานใหม่ที่มีราคาถูกลง ให้บรรลุเป้าหมายและตอบโจทย์ Carbon Neutrality และ Net Zero ของประเทศ อีกทั้งกรณีที่มีการเติมไฮโดรเจน (H2) เข้าไปผสมกับก๊าซธรรมชาติ ที่ควรมีการพิจารณาถึงเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสมด้วย

3.3 ควรเร่งพัฒนาศูนย์สารสนเทศด้านพลังงาน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน ทำให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง