อินโนบิก นูทริชั่น ตั้งเป้าปี 2567 โต 100%

ภก.กิตติณัฐ ศรภิญญา
ภก.กิตติณัฐ ศรภิญญา
สัมภาษณ์พิเศษ

หลังจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจใหม่ New S-Curve โดยหนึ่งในกลุ่มธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science)ต่อมาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ปตท.ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าอนุมัติการจัดตั้ง “บริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด” (INNT) โดยถือหุ้นร้อยละ 100 ผ่านบริษัท อินโนบิก แอลแอล โฮลดิ้ง (INBL) จำกัด (บริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้นทั้งหมด) ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท

อินโนบิก นูทริชั่น มีเป้าหมายดำเนินธุรกิจโภชนาการ (Nutrition) ทั้งในส่วนของโภชนเภสัช (Nutraceutical) ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโภชนาการอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ มุ่งเน้นให้เหมาะกับบุคคลแต่ละกลุ่ม ตามอายุ เพศ หรือความต้องการด้านโภชนาการ รวมถึงเพื่อป้องกันโรค และในส่วนของโภชนาการทางการแพทย์ (Medical Nutrition) สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการดูแลทางด้านโภชนาการ ซึ่งจะพัฒนาสูตรทั้งสำหรับผู้ป่วยทั่วไป และสูตรสำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรค

ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์ “ภก.กิตติณัฐ ศรภิญญา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด ถึงทิศทางธุรกิจในปีนี้

ภาพรวม 4 เดือนแรก

หลังจากที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์กัมมี่กลิ่นรสตรีผลาและโคล่า แบรนด์ อินนอริช ซึ่งนำสมุนไพรไทยมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ได้สำเร็จไปเมื่อกันยายนปี 2566 แล้ว มาถึงในปีนี้ช่วง 4 เดือนแรกเราจะมุ่งนำเอาสินค้ากระจายเข้าช่องทางจัดจำหน่ายต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น

บุกช่องทางออนไลน์

เรามีช่องทางออนไลน์ทั้งของเราและตัวแทนจำหน่ายที่เราใช้อยู่ ซึ่งเป็น Official Store บน shopee lazada และ line shop ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับดีขึ้นเรื่อย ๆ

Advertisment

โดยปัจจุบันสัดส่วนการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์คิดเป็น 20-30% ยังน้อยกว่าสัดส่วนการจำหน่ายผ่านร้านขายยา เพราะกระจายทั่วไปจะอยู่ที่ 70-80% ช่องทางอาหารเสริม เราใช้ชื่อแบรนดอินโนบิก และอินโนบิก โปร ซึ่งจะมีสารอาหารที่พิเศษกว่า

เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครึ่งปีหลัง

ส่วนแผนครึ่งปีหลังจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอีกหลายตัว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนในหลายช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อายุ 40-50 ขึ้นไป เพราะกลุ่มนี้ต้องการสารอาหารที่แตกต่างจากกลุ่มคนอายุน้อย ๆ

เราพยายามใช้และศึกษางานวิจัยทั้งด้านการตลาด ด้านวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะออกจะเป็นอาหารเสริม อย่าง “โปรไบโอติก” เป็นเชื้อสายพันธุ์ไทย ที่มีการวิจัยและพัฒนาโดยร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้สิทธิบัตรมาต่อยอดจากวัตถุดิบในประเทศไทย

แผนการทำตลาด

“แม้ว่าผลิตภัณฑ์หลายตัวจะมีอยู่แล้วในตลาด แต่เราจะทำอย่างไรให้สินค้าของเราแตกต่างและตอบโจทย์ที่ดีขึ้นกว่าในตลาดในราคาที่เข้าถึงได้ รวมถึงเราจะขยายช่องทางจัดจำหน่ายไปที่ร้านขายยาในประเทศ”

Advertisment

การทำตลาดอันดับแรก เราต้องทำ Market Research ก่อนว่า เวลาผู้บริโภคเลือกอาหารเสริมแต่ละตัวของกลุ่มคนแต่ละช่วงวัย มีวิธีการหาอาหารเสริมอย่างไร เขาใช้ใครเป็นแหล่งข้อมูล

“ที่เราพบคือ ช่องทางร้านขายยา เภสัชกรจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่าการที่เราจะใช้ใครก็ไม่รู้ที่จะมาพูดเรื่องอาหารเสริมที่เราต้องกิน แม้ว่าจะใช้วิธีทำตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ แต่ท้ายที่สุดผู้บริโภคจะมาคอนเฟิร์มข้อมูลกับเภสัชกรอีกครั้ง ดังนั้น เภสัชกรหน้าร้านควรจะมีบทบาทให้ความรู้เรื่องสารอาหารแก่ผู้บริโภค”

วิธีทำการตลาด เราจึงคิดว่านอกจากสร้างความตระหนักรู้เรื่องสินค้า และแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดียแล้ว เรายังพบว่าการทำกลยุทธ์ทางการตลาดกับกลุ่มเภสัชกรเป็นเรื่องที่เราจะทำเยอะขึ้น

ผนึกญี่ปุ่นพัฒนา “สารสกัด”

แนวทางการทำงานในปีนี้ เรามุ่งต่อยอดการสร้างนวัตกรรมเรื่องพืชของเกษตรกร ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่อยากจะทำเรื่องสารสกัด เพราะประเทศไทยจริง ๆ แล้ว เรามีพืชพันธุ์หลากหลายมาก และยังเป็นการทำงานที่สอดรับตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรตลอดซัพพลายเชน ให้มีรายได้เพิ่ม

ดังนั้น พืชตัวไหนที่มีศักยภาพ สามารถจะดึงขึ้นมาเพื่อพัฒนาเป็นสินค้าและส่งออก เราอาจจะทำได้ทั้งผลิตผลิตภัณฑ์ของเราเอง หรือจำหน่ายเฉพาะสารสกัดให้บริษัทที่สนใจ ตอนนี้เราดูอยู่หลายตัว

“รูปแบบการลงทุนพัฒนาสารสกัดนี้ เรากำลังคุยกับบริษัทญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญด้านสารสกัด เราอาศัยเทคโนโลยีจากบ้านเค้ามาลงทุนที่เรา จากปัจจุบันที่บริษัทเขามีการซื้อจากประเทศไทยอยู่แล้ว เพื่อนำไปเป็นส่วนในการผลิตเป็นเครื่องสำอางและขายให้กับตัวแทนจำหน่าย ซึ่งประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพเรื่องพืช ตอนนี้ดูว่าตัวไหนที่เขาสนใจที่จะสามารถนำไปทำประโยชน์เป็นสารสกัดได้”

“แนวทางการขยายนวัตกรรมสิ่งสำคัญนอกจากเรื่องเงินแล้วยังต้องมีโนว์ฮาว และต้องมีเน็ตเวิร์กทั้งในและต่างประเทศด้วย”

เป้าหมายการเติบโต ปี 2567

2 ปีที่ผ่านมา อินโนบิกเติบโตและได้รายได้จากธุรกิจที่ขยายเข้าไปลงทุนซื้อหุ้นบริษัทต่างประเทศ ซึ่งบริษัทที่เข้าไปซื้อทำธุรกิจเติบโตดี และได้ Capital Gain (กำไรจากส่วนต่างราคา) เพื่อนำเอามาลงทุนสร้างธุรกิจต่อยอดจากวัตถุดิบและงานวิจัยในประเทศทำอย่างไรให้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์

ส่วนในปี 2567 เรามีเป้าหมายว่าจะสร้างรายได้เติบโต 100% จากปีที่แล้ว เพราะเราอยากจะเป็นคนที่สร้างรายได้สำหรับอินโนบิก เอเชีย และมีส่วนในการสร้างรายได้ให้กับ ปตท. ซึ่งเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะขยับขับเคลื่อนเรื่องของวิทยาศาสตร์สุขภาพ และขอดูแลสุขภาพคนไทย