![อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อรมน ทรัพย์ทวีธรรม](https://www.prachachat.net/wp-content/uploads/2024/05/S__6701071-728x487.jpg)
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตรียมเชิญ 20 ทูตทั่วโลกและหอการค้าต่างประเทศ รับฟังการชี้แจงการลงทุนของคนต่างชาติ ภายใต้กฎหมายคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ขณะที่ 4 เดือนปี 2567 กรมลุยตรวจสอบนอมินีทำธุรกิจในไทยแล้ว 91 ราย พร้อมจับมือศูนย์ปฏิบัติการร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
วันที่ 17 พฤษภาคม 2567 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 นี้ กรมได้เชิญทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยกว่า 20 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน สหรัฐ รัสเซียและอีกหลายประเทศ พร้อมด้วยตัวแทนหอการค้าต่างประเทศในไทย เพื่อมารับฟังการชี้แจงการลงทุนของคนต่างชาติในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ให้รับทราบ และเข้าใจการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะปัจจุบันพบว่ามีนอมินีในไทยมากขึ้น
- หวยออกงวด 1 ก.ค. ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล-สถิติหวยย้อนหลัง 10 ปี
- อ.วันชัย แนะจัดการมรดกวัยเกษียณ อย่าเซ็นค้ำให้ใคร-ทำพินัยกรรมสำคัญ
- “โชคเก่งสกุลมะพร้าวอ่อน” เบื้องหลัง “โรงงานน้ำมะพร้าวหมื่นล้าน”
นอกจากนี้ กรมได้คัดกรองกลุ่มธุรกิจที่เข้าข่ายนอมินี ปี 2567 รวมไปถึงเรียกตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม จำนวน 460 ราย และได้ลงพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพฯ และชลบุรี เพื่อขอตรวจเอกสารเพิ่มเติม 91 ราย เช่น เอกสารทางบัญชี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูล หลักฐาน และยังไม่สามารถสรุปชัดเจนได้
โดยจะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้เร็วที่สุด และการดำเนินเป็นการทำงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถึงความผิดปกติในการประกอบธุรกิจ
ทั้งนี้ จากเป้าหมายการตรวจสอบนิติบุคคลในไทยที่อาจเข้าข่ายนอมินี ในปีนี้ 26,019 ราย รวม 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง การค้าที่ดินอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมรีสอร์ต และธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่ง ในพื้นที่ 6 จังหวัดแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กรุงเทพมหานคร และประจวบคีรีขันธ์
ส่วนในปีที่แล้ว จากกลุ่มเป้าหมายการตรวจสอบนิติบุคคลไทยที่อาจเข้าข่ายนอมินีทั้งหมด 16,607 ราย พบพฤติกรรมเข้าข่ายนอมินี 8 ราย เป็นนอมินี กลุ่มทุนชาวฝรั่งเศส 5 ราย จีน 2 ราย และอังกฤษ 1 ราย ซึ่งได้ขยายผล ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอเพื่อสืบสวนต่อแล้ว โดยจำนวน 2 ใน 8 ราย พบว่า เป็นสำนักงานบัญชีและสำนักงานกฎหมาย ที่มีชื่อเป็นผู้ถือครองหุ้นถึง 267 บริษัท
“ขอเตือนว่า มาตรา 36 ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ผู้ให้ความช่วยเหลือ หรือ สนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจ หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสน-1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะเดียวกันยังต้องติดตามสำหรับบริษัทที่มีประวัติเคยเป็นนอมินีให้กลุ่มทุนต่างชาติอย่างใกล้ชิด ที่จะอยู่ในกลุ่มเข้าข่ายต้องสงสัย ซึ่งจะมีการตรวจสอบเป็นประจำทุกปี”