มะพร้าวไทย ติดอันดับใช้สิทธิฯ FTA ส่งออกจีน เพิ่มสูง 1.8 ร้อยล้านเหรียญ

กรมการค้าต่างประเทศ เผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง FTA ใน 5 เดือนแรก ของปี 2566 มีมูลค่ารวม 33,455.12 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้ามะพร้าวไทยยังนิยมอย่างต่อเนื่องในจีน สูงถึง 187.91 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มสูง 26.96%

วันที่ 9 สิงหาคม 2566 นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในเดือนมกราคม-พฤษภาคม ปี 2566 จำนวน 12 ฉบับ มีมูลค่ารวม 33,455.12 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิสูงถึง 76.70% สำหรับสินค้าผลไม้ไทย เช่น ทุเรียน ฝรั่ง มะม่วง และมังคุด เป็นต้น นับเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน

อีกทั้งยังมีมูลค่าการใช้สิทธิส่งออกสูงภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มากกว่า 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ สินค้ามะพร้าวทั้งกะลาก็เป็นหนึ่งในสินค้าผลไม้จากไทยที่มีการขยายตัวสูงในจีน โดยในช่วงกลางไตรมาส 2 ของปี 2566 สินค้ามะพร้าวทั้งกะลามีมูลค่าการใช้สิทธิส่งออกไปจีน (ACFTA) สูงถึง 187.91 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มสูง 26.96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

โดยจีนมีการนำเข้ามะพร้าวทั้งกะลาจากไทยเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วนปริมาณการนำเข้าสูงถึง 54.83% และมีมูลค่าส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80.02% ของการนำเข้าสินค้ามะพร้าวทั้งกะลาทั้งหมด ซึ่งการนำเข้าโดยใช้สิทธิ ACFTA ทำให้ไทยได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าจีนเหลือ 0% จากเดิมที่จะต้องเสียภาษี 60% (MFN Rate)

Advertisment

สำหรับกรอบความตกลง FTA ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1.ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (มูลค่า 12,164.80 ล้านเหรียญสหรัฐ) มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 74.48% โดยเป็นการใช้สิทธิส่งออกไปอินโดนีเซียสูงสุด มูลค่า 3,263.85 ล้านเหรียญสหรัฐ มาเลเซีย มูลค่า 2,919.96 ล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนาม มูลค่า 2,705.48 ล้านเหรียญสหรัฐ และฟิลิปปินส์ มูลค่า 2,027.32 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ อาทิ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ (น้ำหนักไม่เกิน 5 ตัน) น้ำตาล เครื่องปรับอากาศ น้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัส และรถยนต์เพื่อขนส่งบุคคล (1,500-3,000 cc) เป็นต้น

2.ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) (มูลค่า 10,409.99 ล้านเหรียญสหรัฐ) มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 97.99% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ อาทิ ทุเรียนสด ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง ผลไม้สด (ฝรั่ง มะม่วง มังคุด) สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง และน้ำตาลอื่น ๆ ที่บริสุทธิ์ในทางเคมี เป็นต้น

Advertisment

3.อันดับ 3 ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) (มูลค่า 2,739.51 ล้านเหรียญสหรัฐ) มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 71.57% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ อาทิ เนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง เนื้อไก่แช่แข็ง เดกซ์ทรินและโมดิไฟด์สตาร์ช น้ำมันเบาและสิ่งปรุงแต่ง กุ้งปรุงแต่ง กระสอบและถุงทำด้วยโพลิเมอร์ของเอทิลีน ลวดและเคเบิลทำด้วยทองแดง เป็นต้น

4.อันดับ 4 ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) (มูลค่า 2,304.38 ล้านเหรียญสหรัฐ) มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 63.24% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ อาทิ รถยนต์และยานยนต์อื่น ๆ (ที่มีเครื่องดีเซล หรือกึ่งดีเซล) รถยนต์ขนส่งบุคคลขนาด 2,500 cc ขึ้นไป และขนาด 1,000-1,500 cc ปลาทูน่าปรุงแต่ง และโพลิเอทิลีนเป็นต้น

5.อันดับ 5 ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) (มูลค่า 2,157.83 ล้านเหรียญสหรัฐ) มีสัดส่วนการใช้สิทธิ 65.56% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิสูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ อาทิ ลวดทองแดง สารประกอบออร์แกโน-อินออร์แกนิก เครื่องรับสำหรับวิทยุกระจายเสียง ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ และโพลิ (ไวนิลคลอไรด์) เป็นต้น

สำหรับความตกลง RCEP ในเดือนมกราคม-เมษายน 2566 มีการส่งออกไปยัง 10 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมา มีมูลค่าการใช้สิทธิรวม 570.34 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 81.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญภายใต้ความตกลง RCEP อาทิ น้ำมันหล่อลื่น เครื่องดื่มชูกำลัง ปลาทูน่ากระป๋อง มันสำปะหลังเส้น หัวเทียน เลนส์ ปริซึม และรถจักรยานยนต์ (50-250 cc) เป็นต้น

การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ต่าง ๆ เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดอุปสรรคทางการค้าทางด้านภาษี อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพ ขีดความสามารถให้ผู้ส่งออกไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ อย่างไรก็ตาม สินค้าที่จะส่งออกจะต้องมีมาตรฐาน คุณภาพดี และเป็นไปตามกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิด เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศพร้อมให้ข้อมูลและคำปรึกษาแก่ผู้ส่งออก หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้า ผู้ส่งออกสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือโทร.สายด่วน 1385 รวมถึงไลน์แอปพลิเคชั่นชื่อบัญชี “@gsp_helper”