พาณิชย์หนุนโมเดล “คาเฟ่อเมซอน” ปักหมุด สปป.ลาว

คาเฟ่อเมซอนที่ลาว

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เยือน สปป.ลาว พบหารือผู้บริหาร บริษัท ปตท. และ Cafe Amazon หารือโอกาสการขยายการค้า-การลงทุน ใน สปป.ลาว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กาแฟและนม

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้นำคณะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ระหว่างวันที่ 7-8 กรกฎาคม 2566 และได้พบหารือกับผู้บริหารบริษัท ปตท. และ Cafe Amazon สาขาเมืองหลวงพระบาง

เพื่อหารือเรื่องโอกาสการขยายการค้า และการลงทุนใน สปป.ลาว พร้อมเยี่ยมชมกิจกรรมฟาร์มควายนมแห่งแรกของหลวงพระบาง เพิ่มทางเลือกทางโภชนาการสำหรับผู้แพ้นมวัว โดยพบว่า สปป.ลาว เป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับการลงทุนร้านคาเฟ่ แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็กที่มีประชากรเพียง 7.5 ล้านคน แต่เป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงของโลก

อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคใน สปป.ลาวเริ่มเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่หันมาบริโภคเครื่องดื่มที่มีแบรนด์และใส่ใจเรื่องอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวของ สปป.ลาว ทำให้ร้านคาเฟ่มีโอกาสเติบโตสูง

ทั้งนี้ กาแฟถือเป็นสินค้าเศรษฐกิจสำคัญของ สปป.ลาว ส่วนใหญ่จะปลูกกาแฟพันธุ์อะราบิก้าในที่ราบสูงโบลาเวนทางตอนใต้ แถบแขวงจำปาสัก เซกอง และสาละวัน โดยกาแฟที่ปลูกจะมีจุดเด่นคือเป็นกาแฟออร์แกนิก มีกลิ่นหอม รสชาตินุ่มแต่มีความเข้ม ส่งผลให้ สปป.ลาว เป็นผู้ผลิตกาแฟใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอาเซียน รองจากเวียดนามและอินโดนีเซีย โดยมีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ เวียดนาม ไทย ญี่ปุ่น เยอรมนี และเบลเยียม

Advertisment

สำหรับการส่งออกกาแฟและเมล็ดกาแฟดิบของ สปป.ลาว ในปี 2565 เป็นมูลค่า 139.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 10% จากปีก่อนหน้า โดยส่งไปเวียดนาม อันดับ 1 มูลค่า 53.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่งมาไทยเป็นอันดับ 2 มูลค่า 25.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ในช่วงที่ผ่านมา ไทยยังมีความจำเป็นต้องนำเข้าเมล็ดกาแฟจากเพื่อนบ้าน เนื่องจากผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ สปป.ลาว มีแผนที่จะพัฒนาการผลิตกาแฟให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานสากล รวมถึงขยายการส่งออกมากขึ้น

ดังนั้น ไทยและ สปป.ลาว น่าจะสามารถร่วมมือเพื่อสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุตสาหกรรมกาแฟกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวิจัยเชิงวิชาการ การร่วมทุน และการใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีในกรอบอาเซียน เพื่อการค้ากาแฟระหว่างกัน”

นางอรมนกล่าวอีกว่า สำหรับการเยี่ยมชมกิจการฟาร์มควายนมของหลวงพระบาง (Lao Buffalo Dairy) ซึ่งเป็นกิจการฟาร์มนมควายแห่งแรกใน สปป.ลาว ลงทุนโดยชาวออสเตรเลีย มีควายนมกว่า 200 ตัว รีดน้ำนมและทำผลิตภัณฑ์ เช่น ชีส และไอศกรีม จำหน่ายหน้าฟาร์ม โรงแรม ร้านอาหาร และร้านคาเฟ่ ในเมืองหลวงพระบาง สร้างรายได้มูลค่า 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

Advertisment

ถือเป็นกิจการที่น่าสนใจและเป็นทางเลือกใหม่ให้กับทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคของ สปป.ลาว โดยเฉพาะผู้แพ้นมวัวแต่ยังต้องการโภชนาการสูงจากนม อย่างไรก็ดี เนื่องจากปริมาณที่ผลิตได้ยังมีน้อย เพียงพอแค่สำหรับบริโภคในท้องถิ่น จึงยังต้องอาศัยการลงทุนและพัฒนาอีกมากหากจะผลิตในระดับประเทศ

ขณะที่ในประเทศไทยเองก็ยังมีผู้ประกอบการฟาร์มควายนมไม่มากนัก เช่น มูร่าห์ฟาร์ม ในจังหวัดฉะเชิงเทรา สอนศิริฟาร์มควายไทยที่ปราจีนบุรี ฟาร์มควายนมของโครงการหลวงแม่ทาเหนือ มูร่าห์เฮาส์ ในจังหวัดเชียงใหม่ และฟาร์มโคนมบ้านกุดรัง จังหวัดนครนายก เป็นต้น โดยฟาร์มเหล่านี้มีการจำหน่ายนมควายและผลิตภัณฑ์จากนมควายเช่นกัน อาทิ โยเกิร์ต ชีส และไอศกรีม

“ผลิตภัณฑ์จากนมควายถือเป็นทางเลือกให้กับผู้แพ้นมวัว แต่ยังต้องการโภชนาการสูงจากนม โดยนมควายจะมีสารอาหาร เช่น แคลเซียม และโปรตีนสูง มีคอเลสเตอรอลต่ำ และไม่มีกลิ่นคาว ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสของเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดสินค้านมควายและผลิตภัณฑ์ได้ เนื่องจากราคาดีและยังมีผลผลิตในปริมาณน้อย ในปัจจุบันประเทศที่มีการเลี้ยงควายนมมาก เช่น อินเดีย ปากีสถาน และจีน เป็นต้น”

พร้อมกันนี้ กรมยังได้สำรวจตลาดนมโคและผลิตภัณฑ์ใน สปป.ลาว พบสินค้าแบรนด์ไทยวางจำหน่าย ทั้งนมสดพาสเจอไรซ์ และนมยูเอชที ซึ่ง สปป.ลาว ถือเป็นตลาดส่งออกนมอันดับ 2 ของไทย รองจากกัมพูชา ในปี 2565 ไทยส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์สู่ตลาดโลก มูลค่า 593.11 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 1.7% จากปี 2564 เป็นการส่งออกไป สปป.ลาว มูลค่า 76.89 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค. 2566) ไทยส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมไปตลาดโลก มูลค่า 262.77 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

โดยส่งออกไปกัมพูชาอันดับ 1 อยู่ที่ 78.10 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่งออกไป สปป.ลาว อันดับ 2 มูลค่า 36.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.3% จากปีก่อนหน้า คิดเป็นสัดส่วนการส่งออก อยู่ที่ 17.2% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย โดยสินค้านมและผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกไป สปป.ลาว ได้แก่ นมยูเอชที นมและครีม และเนย เป็นต้น

ทั้งนี้ มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทย-สปป.ลาว ในช่วง 5 เดือนแรก 111,816.37 ล้านบาท ไทยส่งออก 67,564.83 ล้านบาท นำเข้า 44,251.54 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 23,313.29 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มีมูลค่าการค้า 112,940.02 ล้านบาท ไทยส่งออก 64,289.16 ล้านบาท นำเข้า 48,650.86 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 15,638.3 ล้านบาท