4 คดีเขย่าเศรษฐกิจ

4 คดีดัง
บทบรรณาธิการ

สื่อต่าง ๆ เสนอข่าวตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตลาดหุ้นไทยกังวลข่าวการเมืองในประเทศ เนื่องจากวันที่ 18 มิ.ย. 2567 มีการพิจารณา 4 คดีทางการเมืองสำคัญ ได้แก่ คดียุบพรรคก้าวไกล, คดีถอดถอนนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน, คดีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และคดี พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และมีการวิพากษ์วิจารณ์ในหลายทิศทาง

ส่วนผลของคดีต่าง ๆ ที่ปรากฏในวันที่ 18 มิ.ย. เรื่องแรก คดียุบพรรคก้าวไกล ที่มีข่าวสะพัดว่า อาจจะมีการตัดสินในวันที่ 18 มิ.ย.เลยก็ได้ ผลการพิจารณาสรุปว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ผู้เกี่ยวข้องในคดี เสนอบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็น ต่อศาล ตามประเด็นที่ศาลกำหนดภายใน 7 วัน ให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 มารวมไว้ในสำนวน กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันพุธที่ 3 ก.ค. 2567 และกำหนดให้คู่กรณีเข้ามาตรวจพยานหลักฐานในวันอังคารที่ 9 ก.ค. 2567 เท่ากับว่า คดีพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นไปตามที่เล่าลือกัน

เรื่องต่อมา คดีนายเศรษฐา ทวีสิน ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง จัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลกำหนด ยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล และกำหนดนัดพิจารณาต่อไป ในวันพุธที่ 10 ก.ค. 2567

ส่วน คดีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่เล่าลือว่าจะหลบหนี ปรากฏว่า นายทักษิณไปพบอัยการ ซึ่งส่งฟ้องนายทักษิณต่อศาลอาญา ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ ป.อาญา ม.112 ศาลประทับรับฟ้อง ทนายขอประกันตัว วงเงิน 500,000 บาท ศาลเห็นว่าจำเลยให้การปฏิเสธมาตลอด มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่ง โจทก์ไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว มีเหตุสมควรเชื่อว่าจำเลยจะไม่หลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

และอีกเรื่อง ผู้ร้องระบุว่า พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 36, มาตรา 40 มาตรา 41 และ 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107 ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า บทบัญญัติ 4 มาตรา ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

Advertisment

จากคดีทั้ง 4 เรื่องไม่ปรากฏว่า มีคำตัดสินหรือคำวินิจฉัย ที่กระทบต่อการเมือง หรือมีจำเลยหลบหนีคดีดังที่วิตกกันไปล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะเคยเกิดขึ้นมาในการเมืองประเทศไทย ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกันผลักดันให้สังคมไทยเดินไปสู่ระบบที่มีมาตรฐาน มีความยุติธรรม ใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา จะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดข่าวลือ หรือการคาดหมายที่ไม่อยู่บนความจริงและกฎหมาย

การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ ต้องทำควบคู่ไปกับการใช้กฎหมายให้มีความยุติธรรม สร้างมาตรฐานน่าเชื่อถือ จึงจะมีผลให้เกิดสังคมที่เชื่อในกฎหมายและความยุติธรรม ข่าวลือข่าวลวงต่าง ๆ จะลดอิทธิพลลงไป