ชุมชนเภสัชกรรม มุ่งพัฒนาสูตร-ผลิตยาโมเลกุลใหม่ ตั้งเป้าปั้นรายได้แตะ 1 พันล้าน

ชุมชนเภสัชกรรม

ชุมชนเภสัชกรรม เดินหน้าวิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ยา-ผลิตภัณฑ์สุขภาพในรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้แตะ 1,000 ล้านภายในปี 2568 หรือเติบโตปีละ 15% พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน New S-Curve เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Medical Hub ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการจัดงาน CPHI South East Asia 2024 ในวันที่ 10-12 ก.ค. 67 นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

วันที่ 19 เมษายน 2567 ภก. สุรชัย เรืองสุขศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชุมชนเภสัชกรรม จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า ภาพรวมมูลค่าตลาดยาในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 2.4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการนำเข้า 70% (1.68 แสนล้านบาท) และผลิตขึ้นใช้เองภายในประเทศ 30% (0.72 แสนล้านบาท) โดยยังคงมีอัตราการเติบโตอยู่ปีละ 11% ซึ่งแบ่งเป็นการเติบโตในช่องทางโรงพยาบาล 15% และช่องทางร้านขายยาเติบโตปีละ 5%

ขณะที่ข้อมูล IQVIA Quarter 3/2023 ระบุถึงแนวโน้มตลาดยาภายในประเทศอุตสาหกรรมผลิตยาภายในประเทศมีการเติบโตในอัตราปีละ 11%

ทั้งนี้ จากแนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมยาดังกล่าว ทางบริษัทฯ ได้วางแผนการเติบโตด้วยเป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านในปี 2025 คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% โดยได้เตรียมความพร้อมล่วงหน้ามากกว่า 5 ปี ในการพัฒนาสูตรผลิตยาโมเลกุลใหม่ๆ ที่ให้ผลการรักษาดี มีความปลอดภัย และกำลังจะหมดสิทธิบัตรลง เพื่อเป็นการช่วยให้คนไทยเข้าถึงยาได้ง่ายขึ้น และเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ป่วยสูงวัย

ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) จะเป็นสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปี มีจำนวนเกิน 14% ของจำนวนประชากรของประเทศ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 28% ในอีก 6 ปีข้างหน้า จึงทำให้มีความจำเป็นต้องใช้ยาโรคเรื้อรังชนิดไม่ติดต่อ (Non communicable diseases – NCDs) เพิ่มขึ้นในอัตราสูง

โดยปัจจุบัน ชุมชนเภสัชกรรม มีแบรนด์สินค้ารวมกว่า 145 รายการ และยังมียาที่อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาอีกเป็นจำนวนมาก โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประกอบด้วยยาสามัญและยาสามัญใหม่ เช่น

  • แบรนด์ Apixa CCP ในกลุ่มยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • แบรนด์ Rovas ในกลุ่มยาลดไขมัน
  • แบรนด์ Amlopress, Enalapril, Apreszine ในกลุ่มลดความดัน
  • แบรนด์ Glycediab ในกลุ่มยารักษาเบาหวาน
  • รวมทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร แบรนด์ Bee ‘en Plus

ซึ่งแบรนด์ทั้งหมดนี้จะจัดจำหน่ายภายในประเทศเป็นหลัก โดยจะแบ่งเป็น กลุ่มโรงพยาบาล 55% และ ร้านยา 45% เช่น Health Up, Pure, iCare และร้านยากรุงเทพ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีช่องทางการจำหน่ายผ่านร้านขายยาอยู่ที่ 4,000 แห่ง ขณะที่สัดส่วนการส่งออกยังมีน้อยกว่า 10%

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน CPHI South East Asia 2024 เพื่อถือเป็นหนึ่งในการนำเสนอศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนายาของบริษัทฯ รวมถึงเพื่อได้ร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยาไทยให้เป็น Medical Hub ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

พร้อมกันนี้ทางบริษัทฯ เตรียมนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดคือ Apixaban 2.5mg และ Apixaban 5 mg ซึ่งเป็นยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดในระบบไหลเวียน โดยเฉพาะที่หลอดเลือดสมอง โดยเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่สามารถผลิตยาชนิดนี้ขึ้นเองภายในประเทศ ไปนำเสนออีกด้วย

“อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งหวังที่จะผลิตยาที่ดี มีคุณภาพ เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสใช้ยาคุณภาพในราคาที่เหมาะสมยุติธรรม ลดการสูญเสียดุลการค้าจากการนำเข้ายาต่างประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการพัฒนาทักษะความสามารถของเภสัชกรไทยให้มีศักยภาพมากขึ้นทั้งคุณภาพ และการบริการที่เหนือกว่า ด้วยราคายุติธรรม” ภก.สุรชัย กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับงาน CPHI South East Asia 2024 งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และการประชุมด้านอุตสาหกรรมการผลิตยา ครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะจัดขึ้นวันที่ 10 – 12 กรกฎาคม 2567 ณ ฮอลล์ 1-3 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์