หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง

หุ้นไทยร่วงหนัก 28.94 จุด ลดลง 2.13% “ตลาดหลักทรัพย์” ออก Statement ชี้แจง เป็นการเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นเอเชีย-ตลาดหุ้นทั่วโลก วิตกกังวลตึงเครียดตะวันออกกลางจะบานปลาย

วันที่ 19 เมษายน 2567 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานว่า ปิดตลาดหุ้นไทยวันนี้ (19 เม.ย.) ดัชนี SET Index ปรับลง 28.94 จุด หรือลดลง 2.13% จากวานนี้มาอยู่ที่ระดับ 1,332.08 จุด ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นทั่วโลก จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะบานปลาย หลังจากอิสราเอลได้โต้ตอบอิหร่าน

ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ราคาทองคำและน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งหากพิจารณาตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2567 ถึงสิ้นวันนี้ ณ 17.00 น. พบว่า

• ดัชนี VNINDEX ของเวียดนาม ลดลง 6.6%
• ดัชนี NIKKEI ของญี่ปุ่น ลดลง 6.0%
• ดัชนี TWSE ของไต้หวัน ลดลง 5.9%
• ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ลดลง 5.1%
• ดัชนี SET Index ของไทย ลดลง 4.6%
• ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ ลดลง 4.3%
• ดัชนี PCOMP ของฟิลิปปินส์ ลดลง 3.5%
• ดัชนี JCI ของอินโดนีเซีย ลดลง 2.7%
• ดัชนี NIFTY ของอินเดีย ลดลง 2.7%
• ดัชนี STI ของสิงคโปร์ ลดลง 1.6%
• ดัชนี FBMKLCI ของมาเลเซีย ลดลง 0.4%

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่น ๆ เนื่องจากความขัดแย้งรอบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหลักหุ้นไทยปิดทำการ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาครับทราบข่าวไปแล้ว ดังนั้นเมื่อตลาดหลักทรัพย์เปิดซื้อขายหลังวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ จึงรับรู้ข่าวและปรับลดลงในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ประกอบกับยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง อาทิ การกำหนดวันจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ เป็นต้น

ผลกระทบทางตรงต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีไม่มาก โดยจากฐานข้อมูลการลงทุนและรายได้จากต่างประเทศ ของฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่รวบรวมจากแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปีและรายงานประจำปี (56-1 One Report) และจากหมายเหตุประกอบงบการเงิน ประจำปี 2565 พบว่า มีเพียงบริษัทเดียวที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีบริษัทย่อยในอิสราเอลและบริษัทย่อยแห่งนี้มีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.26% ของรายได้จากต่างประเทศรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่การเปิดเผยข้อมูลในปี 2565

และจากฐานข้อมูลการถือครองหุ้นรายสัญชาติชุดล่าสุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่านักลงทุนอิสราเอลและนักลงทุนอิหร่านมีมูลค่าการถือครองหุ้นรวมกันในตลาดหุ้นไทยเพียง 141 ล้านบาท (อิสราเอล 117 ล้านบาท และอิหร่าน 24 ล้านบาท)

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง (Exposure) กับทั้ง 2 ประเทศนี้ค่อนข้างต่ำ สอดคล้องกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่คาดว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนักหากไม่ขยายวงกว้าง

ผลกระทบทางอ้อมต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยอาจเกิดขึ้นจากความยืดเยื้อของความขัดแย้งระหว่างสองประเทศที่ส่งผ่านห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) อาทิ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบ ต้นทุนการขนส่ง เป็นต้น และความผันผวนในตลาดหุ้นไทยจากความกังวลของนักลงทุน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ผู้ลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ วิเคราะห์รอบด้าน และใช้วิจารณญาณในการพิจารณาซื้อขายให้เหมาะสมกับสถานการณ์