หุ้นไทยดิ่ง เหตุสงครามเดือด นักลงทุนย้ายไปสินทรัพย์ปลอดภัย

stock

ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปรับตัวลงกว่า 20 จุด เหตุสงครามตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น นักลงทุนย้ายไปสินทรัพย์ปลอดภัย รอเหตุการณ์เบาบาง โบรกชี้จังหวะสะสมนักลงทุนระยะยาว

วันที่ 19 เมษายน 2567 นายภราดร เตียรณปราโมทย์ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลดลง และส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงทั่วโลก และทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

อย่างค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดการตอบโต้ของฝั่งอิสราเอลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังวันที่ 29 เม.ย. 67 แต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดในฝั่งของอิหร่าน ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จึงเกิดการสมมติฐานว่าอาจเกิดการตอบโต้จากทางด้านอิสราเอลขึ้น

ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงเช้าปรับตัวลง โดยดาวโจนส์ปรับลดลงเกิน 500 จุด ด้านตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลง 4-5% อย่างตลาดหุ้นญี่ปุ่นและไต้หวัน ปรับลดลงประมาณ 4% ขณะที่หุ้นไทยปรับตัวลดลงตาม ช่วงเช้าลดลงประมาณ 20 จุด อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่าประเทศอื่น เนื่องจากหุ้นไทยอิงกับราคาน้ำมัน และราคาน้ำมันปรับขึ้น 3-4% หุ้นที่อิงกับราคาน้ำมันจึงช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยได้

ทั้งนี้ หากเหตุการณ์ความไม่สงบยังมีอยู่ต่อเนื่อง หุ้นกลุ่มสายการบินอาจจะกระทบได้ในช่วงสั้น รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีอาจปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศ “ปัจจัยของการเกิดสงครามในครั้งนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวนมาก ซึ่งยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนในปัจจัยดังกล่าว และจะเห็นได้ว่าเม็ดเงินไหลไปที่สินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าสินทรัพย์เสี่ยง หากภาพสงครามดีขึ้น ก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นจะฟื้นกลับมาได้”

อย่างไรก็ดี จะสังเกตได้ว่าปัจจัยที่เกิดขึ้นมีผลกระทบมาจากสาเหตุภายนอกเป็นหลัก หากนักลงทุนที่สนใจลงทุนในระยะยาว มองว่าการประเมินมูลค่า (Valuation) พื้นฐานไม่ได้ถูกผลกระทบ ขณะที่ SET Index ประมาณ 1,340-1,350 จุด อัตราส่วนทางการเงิน (PE) อยู่ในบริเวณที่ค่อนข้างต่ำ จึงมองว่าจะเป็นจังหวะสะสมของนักลงทุนในระยะกลางไปจนถึงระยะยาวสำหรับหุ้นที่ย่อตัวลงในลักษณะเช่นนี้