ฟอลคอนประกันภัย เปิดแผนงานปี 2561 ปักธงเบี้ยประกันโต 10% เดินหน้าขยายช่องทางดิจิทัล-ปรับทีมบริหาร

บมจ.ฟอลคอนประกันภัย เปิดแผนงานปี 2561 ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับโต 10% เดินหน้าขยายช่องทางดิจิทัล ปรับทีมผู้บริหาร

นางโสภา กาญจนรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2561 นี้ทางบริษัทฯตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับอยู่ที่ 1,900 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดย โดยแบ่งสัดส่วนเป็นเบี้ยประกันภัยจากกลุ่มธุรกิจองค์กรประมาณ 45% หรือประมาณ 850 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยจากลูกค้ารายย่อยประมาณ 55% หรือประมาณ 1,050 ล้านบาท

ทั้งนี้กลยุทธ์หลักของบริษัทจะวางแผนพัฒนาระบบปฏิบัติการในส่วนของระบบงานขายและงานบริการหลังการขาย โดยบริษัทได้เปิดช่องทางการติดต่อไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยของบริษัทฯได้หลากหลายช่องทาง สำหรับงานบริการด้านสินไหม บริษัทฯได้ปรับรูปแบบและลดขั้นตอน ซึ่งจะช่วยย่นระยะเวลาของการพิจารณาสินไหมทดแทนให้ทันสมัยและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบงานหลัก โดยเฉพาะงานด้านการรับประกันภัยรวมถึงงานบริการลูกค้าให้อยู่ในรูปแบบ Digital Platform เพื่อเตรียมองค์กรให้พร้อมรับกับ InsureTech

ในขณะเดียวกันทางบริษัทมีการจัดผู้บริหาร ได้แก่ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้นายเจิดศักดิ์ สุขะปุณพันธ์ เป็นผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจองค์กร ดูแลรับผิดชอบช่องทางการขายผ่านนายหน้าและตัวแทนสำหรับทุกผลิตภัณฑ์ ในส่วนของงานด้านเทเลมาร์เก็ตติ้งนั้น ปัจจุบันมีนางสาวพัชนี ศรีสุขวัฒนา เป็นผู้อำนวยการฝ่าย รับผิดชอบในส่วนของงานการตลาดทางโทรศัพท์เพื่อนำเสนอแผนประกันภัยให้กับลูกค้ารายเดี่ยว สำหรับด้าน Affinity Business มีนางสาววิไล ธรรมถิวัช เป็นผู้อำนวยการฝ่าย รับผิดชอบงานในด้านการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) รวมถึงช่องทางใหม่ๆ

บริษัทฯ ยังได้พัฒนาทีมบริการสินไหมเพื่อให้สามารถดูแลและให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร ด้วยทีมงานมืออาชีพมากไปด้วยประสบการณ์ พร้อมตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กรได้ในทุกๆ ประเภทธุรกิจ หวังเป็น One-Stop-Service ของตลาดในงานกลุ่มนี้

อย่างไรก็ตามในปี 2560 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1,749 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นกว่าปี 2559 เล็กน้อย โดยมีเบี้ยจากกลุ่มธุรกิจองค์กร 789 ล้านบาท คิดเป็น 45% จากกลุ่มผลิตภัณฑ์รายย่อย 960 ล้านบาท คิดเป็น 55% ปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราส่วนเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR ratio) สูงกว่า 400% เมื่อเทียบกับ CAR ratio ที่กฎหมายกำหนดอยู่ที่ 140%